เพียงมอง “คณิตศาสตร์การเมือง” ง่ายๆผ่านกระบวนการขับ 21 ส.ส.ภายใต้การนำของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากพรรคพลังประชารัฐ ก็น่าใจหายอย่างยิ่งอยู่แล้ว
ยิ่งกระบวนการขับยังดำเนินการตาม “ข้อเสนอ” อันมาจากภายในกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อีก
หากมองไปยังปัญหาและความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ตั้งแต่สถานการณ์การปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจาก “รัฐมนตรี” เมื่อวันที่ 8 กันยายน
ก็ยิ่งเท่ากับเป็นการตอกย้ำให้เห็นอย่างเด่นชัดว่า ทุก “กระบวนการ” อันปรากฏขึ้นในวันที่ 19 มกราคม เสมอเป็นเพียงการแสดงละครในทางการเมือง
บทสรุปจากปาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ว่านับแต่นี้เป็นต้นไปความสงบจะบังเกิดขึ้นภายในพรรคพลังประชารัฐจะดำเนินไป
ด้วยความราบรื่นเป็นที่พึงใจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จริงหรือ
ในเมื่อทุกจังหวะก้าวในทางการเมืองต้องขึ้นอยู่กับการบริหาร จัดการของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อย่างเต็มมือ
เพียงข้อเสนอล่าสุดจากกลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เพื่อต่อรอง ตำแหน่งในครม.อย่างน้อยก็ 2 ตำแหน่งและมีแนวโน้มจะขยายกลายเป็น 3 ตำแหน่ง ก็เป็นโจทย์ใหญ่ขึ้นมา
เพราะนอกเหนือจากมี 21 ส.ส.อยู่ในมือ ยังมีการเคลื่อนไหวเพื่อร่วมเขย่าอีกจาก 9 ส.ส.ของพรรคเล็กรวมแล้วเท่ากับ 30
จำนวน 30 ส.ส.ภายใต้ร่มเงาของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อาจ ไม่สามารถแผ่พลานุภาพได้โดยตรง แต่อย่าลืมเป็นอันขาดว่ายังมีอีก จำนวนหนึ่งที่อยู่ภายในพรรคพลังประชารัฐ
โอกาสที่จะมีการเคลื่อนไหวประสานจาก”ภายนอก”เข้ามายัง
“ภายใน”จึงมีความเป็นไปได้สูงอย่างยิ่ง
ที่ยืนยันว่า”ไม่ปรับครม.”และ”ไม่ยุบสภา”อาจมิได้เป็นจริง
สถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเป็นสถานะที่ไม่แน่นอน เป็นอย่างสูง เนื่องจากไม่สามารถเชื่อมั่นต่อเอกภาพภายในพรรคพลังประชารัฐได้อย่างชนิดเต็มร้อย
เป็นไปไม่ได้ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะอยู่นิ่ง เป็นไปไม่ได้ที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จะไม่มี”ข้อเสนอ”อะไรในทางการเมือง
ทั้งยังเป็น”ข้อเสนอ”บนพื้นฐานที่”ยาก”ต่อการปฏิเสธอย่างยิ่ง
