“ธรรมนัส” เปิดใจเคลียร์ไม่จบต้องแยก-ห่วงบ้านเก่า “บิ๊กตู่” ชี้ไม่เกี่ยวเป็นเรื่อง พปชร. ยันไม่ปรับ ครม.-ไม่ยุบสภา
ความคืบหน้า ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ถูกกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) มีมติขับพ้นพรรคพร้อม ส.ส.จำนวน 20 คน เมื่อวันที่ 19 มกราคม ที่ผ่านมานั้น
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 20 มกราคม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา โพสต์เฟซบุ๊กเปิดใจ ภายหลังถูกขับออกจากพรรค พปชร.ว่า “ตั้งแต่เสร็จจากการประชุมไม่ได้หยุดเลย มีโทรศัพท์เข้ามาตลอดเวลาจนถึงเกือบตีหนึ่งกว่าจะได้พัก อาบน้ำเกือบตีหนึ่ง สวดมนต์ไหว้พระ แล้วก็ดูหนัง ไม่ได้เครียดอะไรแล้วก็นอนหลับสบาย สำหรับความรู้สึกแรกที่ออกมา คือห่วงบ้านเก่า พี่น้องเราหลายคนเป็นนักการเมืองที่มีอุดมการณ์จะอยู่กันยังไงถ้าไม่มีผมดูแลเขา ช่วงระยะเวลาที่ผ่านมาที่บ้านเมืองมีวิกฤตการแพร่ระบาดโควิด-19 เนี่ย ส่วนใหญ่แล้วที่ ส.ส.ไปลงพื้นที่ก็ได้รับการสนับสนุนจากผมทั้งนั้น ร้อยละ 80 เปอร์เซ็นต์ กับ พล.อ.ประวิตร
ทั้งนั้น หลังจากไม่มีเราแล้วใครจะทำให้เขา ใครจะดูแลเขา”
“ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า อยู่บ้านเก่านี่หลายอย่างมันทำได้ไม่เต็มที่ ส่วนรู้สึกอย่างไรที่ได้ยินคนพูดว่าก็แค่ละครฉากหนึ่ง เราต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างหนึ่งว่าพี่เป็นคนตรงไปตรงมา เพราะฉะนั้นการพูดตรงไปตรงมามันอาจจะไม่เป็นที่ถูกใจของนักการเมืองบางกลุ่ม เพราะฉะนั้นภาพเราที่ออกสื่อเพราะทำงาน พูดตรงไปตรงมา ไม่ชอบคนอย่างผม เคลียร์จบคือจบ ไม่เคยที่จะเอามาเป็นประเด็น อยู่ด้วยกันแล้วไม่ยอมรับความเป็นจริง เมื่อจบก็ต้องจบ เมื่อจบไม่จบ เราก็ไปแยกกันเดินดีกว่า สำหรับบ้านหลังใหม่ ไม่ใช่เป็นพรรคที่เพิ่งเกิดเป็นพรรคที่เกิดมานานพอสมควร ครั้งหนึ่งที่มีผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจะใช้เป็นพรรคหลัก พรรคนี้เมื่อเปิดตัวมาแล้วทุกคนก็ร้องอ๋อ เป็นพรรคของใคร มีความพร้อมทุกเรื่อง มีองค์ประกอบพร้อมหมด เดี๋ยวมีเซอร์ไพรส์” ร.อ.ธรรมนัสระบุ
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค.ว่า วันนี้เรื่องที่ทุกคนให้ความสนใจก็คงเป็นเรื่องการประชุมของ พปชร.ที่ ร.อ.ธรรมนัส ถูก กก.บห. มีมติขับพ้นพรรคพร้อม ส.ส. 20 คน ในฐานะนายกฯไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้อง เป็นเรื่องของ กก.บห. หัวหน้าพรรค ดำเนินการ เชื่อว่าทุกคนได้พยายามทำให้สถานการณ์เป็นปกติให้ได้โดยเร็วมากที่สุด โดยทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับประชาชน สิ่งสำคัญที่สุดทุกคนต้องมองใครเป็นอย่างไร เพราะโอกาสในการเลือกตั้งข้างหน้ายังมีอยู่ ดังนั้น ขอให้ทุกคนช่วยกันติดตามพฤติกรรมของแต่ละคนด้วย ซึ่งไม่ได้กล่าวว่าใครดีหรือไม่ดี แต่พฤติกรรมจะเป็นตัวกำหนด และให้ประชาชนตรวจสอบ คัดกรอง ไตร่ตรอง ในการตัดสินใจต่อการเลือกตั้งครั้งต่อไป
“ยืนยันว่าผมยังไม่ได้คิดจะดำเนินการในเรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือยุบสภาอะไรต่างๆ โดยเฉพาะขณะนี้กฎหมายก็ยังไม่เรียบร้อย อย่าเอาทุกอย่างมาตีทั้งหมด ผมรักใครชอบใครผมก็พูดไม่ได้ หลายอย่างต้องเก็บไว้กับตัว อย่างไรก็ตามขอบคุณประชาชนส่วนใหญ่ที่ให้ความเชื่อมั่นและเชื่อถือผมในการทำงานที่ผ่านมา ผมก็ได้วางอนาคตไว้มากพอสมควรในการทำงานหลายเรื่องที่ เป็นปัญหายาวนานและหมักหมมต้องมาแก้ นี่คือภาระของผมที่ทำให้การทำงานใหม่ๆ ออกมาได้ช้า ต้องเห็นใจเจ้าหน้าที่และข้าราชการด้วย เพราะนโยบายที่ประกาศออกไปหรือสั่งการออกไปรายวันค่อนข้างเยอะมาก เพราะผมลงเข้าไปลงรายละเอียดในทุกเรื่อง ก็เพื่อให้การทำงานสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี อะไรติดขัดตรงไหน นายกฯสามารถดูแล ช่วยเหลือ และสั่งการเพิ่มเติมให้ ก็ไม่เคยว่างเว้นการทำงาน” นายกฯกล่าว
