‘จุรินทร์’ ชี้ ปัญหา พปชร.กระทบเสถียรภาพรัฐบาล คาใจเหลือกี่เสียง ถามยุบสภาตอน กม.ลูกไม่เสร็จจะไปต่ออย่างไร?
เมื่อวันที่ 23 มกราคม เวลา 11.00 น. ที่เขตดอนเมือง กทม. นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงโค้งสุดท้ายในการเลือกตั้งซ่อม กทม. เขต 9 หลักสี่-จตุจักร ว่า ไม่มีความเห็น เพราะประชาธิปัตย์ไม่ได้ส่ง ด้วยเหตุผลอะไรนั้นไม่ขอย้ำ เป็นที่ทราบกันแล้ว และสำหรับผู้สมัครของพรรคได้เตรียมไว้แล้วในการเลือกตั้งทั่วไป คือ พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ซึ่งแม้เราไม่ได้เลือกตั้งซ่อม แต่ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และหลังเลือกตั้งซ่อมแล้ว จะได้ลงพื้นที่กับว่าที่ผู้สมัครอีก เพียงแต่ยังไม่อยากลงพื้นที่ตอนนี้ เดี๋ยวจะกลายเป็นกระทบการเลือกตั้งซ่อมที่พรรคอื่นเขาแข่งกันอยู่
เมื่อถามว่า มองผลโพลของนิด้าเกี่ยวกับชัยชนะของพรรคประชาธิปัตย์ในพื้นที่ภาคใต้อย่างไร นายจุรินทร์กล่าวว่า ผลสำรวจดังกล่าวสรุปว่าประชาธิปัตย์ชนะทั้งที่ จ.ชุมพรและสงขลา ด้วย 2 เหตุผลหลัก คือ 1.เป็นเพราะพรรคประมาณ 70% 2.เป็นเพราะผู้สมัครของเราเด่นกว่า 30% ซึ่งก็เป็นแนวเดียวกับที่เราวิเคราะห์ว่า สาเหตุที่เราได้รับชัยชนะนี้เกิดจากเหตุผลอะไร แต่ไม่ว่าจะเป็นพรรค 70% ผู้สมัคร 30% ที่เด่นกว่าผู้สมัครพรรคอื่นนั้น ทั้งหมดขึ้นอยู่กับเสียงสวรรค์ของพี่น้องประชาชนที่มอบให้ เพราะไม่ว่าพรรคจะเด่นอย่างไร ผู้สมัครจะเด่นอย่างไร ถ้าพี่น้องประชาชนไม่มาลงคะแนนให้โอกาสชนะก็ไม่มี
“ขอถือโอกาสขอบคุณพี่น้องชาวชุมพรกับสงขลาอีกครั้ง และวันที่ 29 ม.ค.นี้ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ผมจะลงไปที่สงขลา เพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ช่วยสนับสนุนพรรคประชาธิปัตย์ และเพื่อไปยืนยันว่าพรรคก็จะกำกับดูแลผู้แทนฯของพรรคทั้ง 2 คนที่เป็นหน้าใหม่ ให้ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์แบบทั้งหน้าที่ในพื้นที่ และหน้าที่ในสภาผู้แทนราษฎรต่อไปให้คุ้มค่ากับที่ประชาชนมอบความไว้วางใจให้” หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่พรรคพลังประชารัฐขับ ส.ส. 21 คน ของกลุ่ม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยาอดีตเลขาธิการพรคพลังประชารัฐ นายจุรินทร์กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าเป็นปัญหาภายในของพรรคพลังประชารัฐ ตนไม่ขอวิจารณ์ลึกลงไปในรายละเอียด แต่ถ้าจะถามว่าจบหรือยังนั้น ก็ไม่อยู่ในฐานะที่จะไปตอบแทนได้ว่าจบหรือไม่จบอย่างไร แล้วถ้าถามว่ามีผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาลหรือไม่ ในภาพรวมก็ต้องยอมรับว่าอาจมีผลกระทบ ทั้งหมดก็ต้องไปดูข้อเท็จจริงว่าในการลงมติในสภาผู้แทนราษฎรนั้น ผลจะปรากฏออกมาอย่างไร รัฐบาลยังมีเสียงที่แน่นเหนียวจำนวนเท่าไหร่ และฝ่ายค้านเหลือเท่าไหร่ แต่ต้องดูข้อเท็จจริงด้วยว่าสุดท้ายแล้วเสียงจะเป็นอย่างไร ซึ่งขณะนี้คิดว่ายังแกว่งอยู่ ยังคาดการณ์เป็นข้อสรุปขั้นสุดท้ายไม่ได้ เพราะยังปรากฏข่าวที่ค่อนข้างสลับซับซ้อนว่าสุดท้ายแล้วเสียงที่อยู่กับรัฐบาลมีเท่าไหร่ เสียงที่คาดว่ายังไม่มีความแน่นอนนั้นมีจำนวนเท่าไหร่
เมื่อถามว่า คาดการณ์หรือไม่ว่าจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองภายในปีนี้ นายจุรินทร์กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่เกิดอุบัติเหตุ หลายคนก็พยายามถามเรื่องยุบสภาว่าจะมียุบสภาหรือไม่ อันนี้ก็ยิ่งตอบไม่ได้ เพราะยุบสภาเป็นอำนาจนายกฯ และประเทศไทยของเราส่วนใหญ่ถ้ายุบสภาก็หมายความว่าจะต้องเกิดอุบัติเหตุ หรือเกิดปัญหาทางการเมือง ซึ่งขณะนี้ก็ยังไม่เกิด แต่ถ้าเกิดมายุบตอนนี้ก็จะมีปัญหาเรื่องกฎหมายลูกที่ยังไม่มี เพราะฉะนั้นจะไปต่อได้อย่างไร ถ้าเกิดยุบสภามีแต่รัฐธรรมนูญ กฎหมายลูกที่จะเป็นตัวกำหนดกฎเกณฑ์ กติกา และการกำกับการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมาถึงยังไม่ออกมาแล้วจะไปอย่างไร อันนี้ก็เป็นคำถามอยู่
ต่อข้อถามว่า พรรคประชาธิปัตย์เตรียมรับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไรในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล นายจุรินทร์กล่าวว่า จุดยืนประชาธิปัตย์มีความชัดเจนอยู่แล้วในเรื่องการทำงานกับรัฐบาล อย่างที่เคยย้ำไว้ เราเป็นสถาบันทางการเมือง เรารู้ดีว่าหน้าที่ของเราคืออะไร ทั้งหน้าที่ในฐานะที่เป็นฝ่ายบริหารในคณะรัฐบาล และหน้าที่ในฐานะพรรคร่วมรัฐสภาในระบบรัฐสภา
“พรรคประชาธิปัตย์รู้ว่าอะไรคือหน้าที่ของเรา อะไรคือสิ่งที่เราควรทำ และอะไรคือสิ่งที่เราต้องทำ อันนี้ไม่ต้องกังวล และผมก็ยืนยันแล้วว่า ยุคนี้ประชาธิปัตย์ต้องเน้นเรื่องการทำหน้าที่ ทุ่มเท ทำงานหนักให้ครบถ้วนสมบูรณ์ เพราะเรามีเวลาจำกัด โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญก็กำหนดไว้ว่ารัฐบาลอยู่ได้ไม่เกินเท่าไหร่ เพราะฉะนั้นต้องใช้เวลาที่มีอยู่จำกัดนี้ทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชนให้ได้” นายจุรินทร์กล่าว
เมื่อถามว่ามีความเป็นห่วงว่ากฎหมายฉบับไหนที่จะไม่ผ่านการพิจารณาของสภาหรือไม่ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ยังไม่ได้ไปดูลึกลงไปในรายละเอียดขนาดนั้น แต่เบื้องต้นก็ต้องชัดเจนให้นิ่งเสียก่อนว่า ตกลงแล้วรัฐบาลมีกี่เสียง ที่ขณะนี้ยังแกว่ง ยังไม่มีความชัดเจนเต็มร้อย
