ยุทธศาสตร์การเมือง ‘ก้าวไกล’ ประกาศยึด ‘กทม.’ ทุกขั้นตอน
การประกาศเปิดตัว นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นแคนดิเดตชิงตำ แหน่ง ‘ผู้ว่าฯกทม.’ ของพรรคก้าวไกล สะท้อนถึง ‘ยุทธศาสตร์’ ในทาง การเมืองออกมาอย่างเด่นชัด
เหมือนกับจะวางน้ำหนักอยู่ที่ตำแหน่ง ‘ผู้ว่าฯกทม.’ โดย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เป็นหลัก
แต่แท้จริง พรรคก้าวไกลวาง ‘เป้าหมาย’ อย่างเป็น ‘ระบบ’
ผลเฉพาะหน้าอยู่ที่เป็นปัจจัยหนุนเสริมการเสนอตัวเข้ามาของ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ในการเลือกตั้งซ่อม เขต 9 จตุจักร หลักสี่ ในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมมากกว่า
และหากดูจากการโชว์ตัวผู้สมัคร ส.ก.จาก 50 เขตในพื้นที่ของกรุงเทพมหานคร อันเป็นรากฐานและเป็นเหมือนกระดานหกในทาง การเมืองให้กับ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร
ก็จะสัมผัสได้ในกลยุทธ์ ‘3 ประสาน’ ในทางการเมืองของพรรค ก้าวไกลที่เริ่มจาก 1 ส.ก. 1 ผู้ว่าฯกทม. และ 1 ส.ส.กทม.
นี่คือการเสนอตัวเข้าสู่ ‘การบริหาร’ กทม.ของพรรคก้าวไกล
รู้ทั้งรู้ว่าในสนามกทม. นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร จะต้องผ่านด่านหินระดับ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่ได้พลังจากพรรคเพื่อไทย รวมถึง นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่ได้พลังจากพรรคประชาธิปัตย์
และรวมถึงปราการด่านสำคัญอันมาจากรัฐบาลและพรรคพลัง ประชารัฐที่มี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นตัวแทน
กระนั้น ยุทธศาสตร์นี้ของพรรคเพื่อไทยก็กำหนดขึ้นมาอย่างเป็นระบบและเสนอตัวให้คนกรุงเทพมหานครตัดสินใจเลือกอย่างเป็น ‘แพ็คเกจ’ เพื่อความเป็นเอกภาพในทางการบริหาร
ไม่เพียงวางความมั่นใจอยู่กับ ‘นิวโหวตเตอร์’ หากแต่ยังฝากความหวังจากสภาพความเป็นจริงในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562
บนพื้นฐานแห่งป็อบปูล่าร์โหวตที่ได้อันดับ 1 ในกทม.
หากมองจากสภาพความเป็นจริง ณ วันนี้ ยากเป็นอย่างยิ่งที่พรรค ก้าวไกลจะตีฝ่าด่านของรัฐบาลที่ครองอำนาจมา 8 ปี ยากเป็นอย่าง ยิ่งจะทะยานข้ามความนิยมของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
กระนั้น อย่าลืมปาฎิหาริย์จาก ‘อนาคตใหม่’ ถึง ‘ก้าวไกล’
เป็นปาฎิหาริย์ที่สัมผัสได้จากป้อบปูล่าร์โหวตเมื่อเดือนมีนาคม 2562 และจากเงินบริจาคที่ทะยานจาก 12 เป็น 30 ล้านบาท
รวมถึงการอยากลอง ‘ของใหม่’ ของคนกรุงเทพฯอย่างเด็ดขาด