เกียรติภูมิของ พลังประชารัฐ สะเทือน ประยุทธ์ จันทร์โอชา
กลยุทธ์ในการรณรงค์หาเสียงของเบอร์ 7 พรรคพลังประชารัฐ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ก่อให้เกิดคำถามและสร้างความสงสัยว่าจะกลายเป็นปัญหาในทางการเมืองหรือไม่
ที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือ การหาเสียงโดยไม่ยอมปรากฏตัวในเวที ‘ดีเบต’ ระหว่างผู้สมัครจากแต่ละพรรคการเมือง
ไม่ว่าจะเป็นการจัดโดย ‘ไทยรัฐ’ ไม่ว่าจะเป็นการจัดโดย ‘สปริงนิวส์’ ไม่ว่าจะเป็นการจัดโดย ‘เวิร์คพอยท์ ทูเดย์’ และปิดท้ายโดยการจัดของ ‘ข่าวสด’
ผู้สมัครจากพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคกล้า หรือแม้กระทั่งพรรคไทยภักดีล้วนเข้าร่วมด้วยความคึกคัก แต่ไม่เคยมีผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐ
ทั้งๆ ที่พรรคพลังประชารัฐถือได้ว่าเป็นพรรคอันเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล แม้ว่าจะได้รับเลือกเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาเป็นพรรคอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย
นอกจากไม่พร้อมในการเข้าร่วมเวที ‘ดีเบต’ ในทางการเมือง ยังไม่มีความพร้อมในการจัดเวทีใหญ่เพื่อเปิดปราศรัย
คำถามก็คือพรรคพลังประชารัฐอาศัยอะไรมาเป็นเครื่องสร้างคะแนนนิยม ในเมื่อตัวผู้สมัครเองไม่กล้าแสดงตัวอย่างเปิดเผยและ พร้อมตอบทุกคำถาม
ในอีกด้านหนึ่งจึงก่อให้เกิดความสงสัยว่าจะยังมีทีเด็ดอะไรในทางการเมืองที่จะกุมชัยชนะเอาไว้ได้
เนื่องจากไม่เพียงแต่พรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคก้าวไกล อย่าง พรรคเพื่อไทย และอย่าง พรรคไทยศรีวิไลย์ เท่านั้นที่จะแสดงความ กังขาอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ
แม้กระทั่งพรรคที่เป็นพันธมิตรกับรัฐบาลอย่างพรรคกล้าหรือ พรรคไทยภักดีก็แสดงการปฏิเสธพรรคพลังประชารัฐอย่างไม่เกรงใจ
คะแนนที่จะออกมาในวันที่ 30 มกราคมจึงเป็น ‘คำถาม’
แม้ในวงการต่อรองและคาดหมายทางการเมืองจะยังให้น้ำหนักกับ พรรคพลังประชารัฐอยู่บ้างในฐานะที่เคยยึดครองพื้นที่เขต 9 จตุจักร หลักสี่เดิม
กระนั้น กล่าวในด้านเกียรติภูมิทางการเมืองยังเป็นที่น่าสงสัย
ความเชื่อมั่นจึงวางน้ำหนักไปยังพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย หรือแม้กระทั่งพรรคกล้าเป็นอย่างสูงยิ่งขึ้นตามลำดับ
ท่ามกลางซากปรักหักพังจากภายในพรรคพลังประชารัฐ