ภูมิใจไทย ยื่น ร่างพ.ร.บ.กัญชง กัญชาแล้ว “อนุทิน” ลั่น มีผลบังคับใช้ 120 วันไม่ถือเป็นยาเสพติด

“ภูมิใจไทย” ยื่น ร่างพ.ร.บ.กัญชง กัญชาแล้ว ด้าน “อนุทิน” ลั่น มีผลบังคับใช้ 120 วันแล้วไม่ถือเป็นยาเสพติด

เมื่อวันที่ 16.25 น. วันที่ 26 มกราคม ที่รัฐสภา พรรคภูมิใจไทย (ภท.) นำโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภท. นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะเลขาธิการพรรค นายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อและนายทะเบียนพรรค ยื่นร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) กัญชง กัญชา พ.ศ… . ต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เพื่อขอให้พิจารณานำเข้ากระบวนการตราเป็นพ.ร.บ.เพื่อให้มีผลบังคับใช้ต่อไป

ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า เหตุผลที่ต้องมีการเสนอร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ เนื่องจากเมื่อวานนี้ (25 มกราคม) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ปปส.) ได้มีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข โดยตนในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้ลงนามในประกาศกำหนดชื่อยาเสพติดให้โทษประเภท 5 ตามที่คณะกรรมการควบคุมยาเสพติดเสนอ ซึ่งมีสาระสำคัญคือ การปลดกัญชาออกยาเสพติด

ดังนั้นหลังจากที่ประกาศฉบับนี้ มีผลบังคับใช้ คือ 120 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา กัญชาและกัญชงที่ผลิตในประเทศไทยจะไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไป รวมทั้งจะไม่อยู่ในพ.ร.บ.ยาเสพติดเปลี่ยนแปลงที่สำคัญของกัญชาและกัญชง ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงที่เป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่แถลงต่อรัฐสภาว่าจะส่งสริมให้มีการวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีการใช้กัญชา กัญชง สมุนไพร เพื่อให้เป็นประโยชน์แก่ประชาชนและสร้างรายได้แก่ประชาชน อีกทั้งสอดคล้องเจตนารมณ์ของประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ.2564 ซึ่งได้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษประเภท 5 แล้ว

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตามยังคงมีความห่วงใยจากนักวิชาการ ภาคประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐบางหน่วยงาน โดยเกรงว่าจะมีการนำกัญชาไปใช้ทางที่เป็นโทษต่อประชาชนและเยาวชนซึ่งจะเป็นการขัดต่อเจตนารมณ์ของข้อตกลงนานาชาติ ในเรื่องการควบคุมการใช้กัญชา ซึ่งกำหนดให้ใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ และวิทยาศาสตร์ เท่านั้น คณะกรรมการ ปปส.จึงเสนอให้มีการออกฎหมายมากำกับการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงเป็นการเฉพาะ เมื่อพันจากบัญชียาเสพติดแล้วเช่นเดียวกับกฎหมายกระท่อมที่สภาผู้แทนราษฎรได้มีมติเห็นชอบแล้ว ทั้งนี้การมีกฎหมายเฉพาะกัญชา กัญชง จึงเป็นการยืนยันอีกครั้งว่า กัญชา กัญชง ได้พ้นจากความเป็นยาเสพติดแล้ว แต่มีความจำเป็นที่จะต้องมีการควบคุมการผลิตและการใช้ให้เป็นประโยชน์กับประชาชน ตามนโยบายรัฐบาลหากมีการนำไปใช้ทางที่เป็นโทษก็ยังคงมีความผิดอยู่

Advertisement

นายอนุทิน กล่าวต่อว่า หลักการและเหตุผลของร่างพ.ร.บ.กัญชงฯ ที่พรรค ภท.นำเสนอฉบับนี้คือ ส่งเสริมให้กัญชา กัญชง เป็นพืชที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ โดยมีเป้าหมายดังนี้ 1.เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ พัฒนาภูมิปัญญาทางการแพทย์แผนไทย 2.ให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง 3.ประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้ประชาชนจากการปลูก การผลิต และการขายผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง รวมทั้งสารสกัด 4.ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทั้งพืช และผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชง และ 5.คุ้มครองประชาชนซึ่งอาจจะได้รับอันตรายจากการบริโภคกัญชา กัญชง และป้องกันการใช้กัญชา กัญชงในทางที่ผิด ทั้งนี้พรรค ภท.ในฐานะที่เป็นพรรคการเมือง ซึ่งได้นำเสนอนโยบายการปลดกัญชาออกจากยาเสพติด เพื่อให้ประชาชนนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ เข้าถึงกัญชาทางการแพทย์และสุขภาพ โดยได้รับความสะดวกมากที่สุดและสามารถนำไปใช้เป็นพืชเศรษฐกิจ สร้างรายได้ ให้แก่ประชาชนได้ ซึ่งเราได้ผลักดันนโยบายนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ถึงวันนี้การปลดกัญชาออกจากยาเสพติด ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรีและคณะกรรมการปปส. ได้แสดงให้เห็นว่านโยบายนี้เป็นประโยชน์ต่อประชาชน

นายอนุทิน กล่าวด้วยว่า นอกจากนี้พรรค ภท. ได้แสดงให้เห็นแล้วว่า พรรค ภท.เป็นพรรคการเมืองที่พูดแล้วทำเพื่อประโยชน์ของประชาชนและเป็นพรรคการเมืองที่รับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน พร้อมนำข้อห่วงใย มาหาแนวทางแก้ไข เพื่อให้การปฏิบัติตามนโยบายไม่เกิดผลกระทบเป็นปัญหาต่อสังคม จึงนำมาสู่การยื่นร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ในวันนี้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีความสบายใจ รวมถึงมีความเชื่อมั่นต่อการทำงานของพรรค ภท. และยังทำให้เห็นได้ถึงการทำงานในรูปแบบของพรรค ภท. คือ ทำทันทีไม่ทำให้ประชาชนต้องเสียโอกาสเสียเวลาแม้แต่วันเดียว สุดท้ายนี้ อยากจะขอเชิญชวน ส.ส.ทุกพรรคการเมือง และส.ว.ได้ร่วมกันศึกษาพิจารณาร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ที่พรรค ภท. เสนอเพื่อให้พ.ร.บ.ฉบับนี้ออกมาใช้โดยเร็วที่สุด และเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุด และขอให้ได้ระลึกถึงเจตนารมณ์ในการตราประมวลกฎหมายยาเสพติด พ.ศ. 2564 ที่มีมติเป็นเอกฉันท์ 476 ต่อ 0 ซึ่งมีสาระสำคัญในมาตรา 29 ที่ได้ถอดกัญชาออกจากยาเสพติดให้โทษ ประเภท 5 ไปแล้ว

“สำหรับประชาชนที่ประสงค์จะปลูกกัญชา เพื่อพึ่งพาตนเอง ด้านสุขภาพ ขอให้รอ 120 วัน ตามที่คณะกรรมการปปส. กำหนดไว้ทั้งนี้ เพื่อให้สิ้นข้อสงสัยว่ากัญชา ยังเป็นยาเสพติดหรือไม่จะไม่ต้องตีความกันอีกต่อไป เพราะเมื่อครบ 120 วันแล้ว หลังประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดชื่อยาเสพติดออกมาแล้วจะไม่มีการนำกฎหมายยาเสพติดมาใช้กับผู้ปลูกกัญชาเพื่อพึ่งพาตนเองได้อีกต่อไป” นายอนุทิน กล่าว

Advertisement

เมื่อถามว่า ระหว่าง 120 วันระหว่างที่รอกฎหมายประกาศใช้ หากมีเหตุอะไรเกิดขึ้นจะทำอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า มีการตีความชัดเจนว่าประมวลกฎหมายยาเสพติดพ.ศ.2564 ถือว่าเป็นกฎหมายหลัก ฉะนั้นประกาศใดๆ ก็ตามไม่มีศักดิ์และสิทธิ์เหนือกว่ากฎหมายใหญ่ แต่ก็มีการตีความหากเป็นคนตรากฎหมายจะตีความอย่างไร คนใช้กฎหมายก็จะตีความกฎหมายอีกแบบ นี่เป็นเหตุผลที่เราจะต้องมาทำกฎหมายกัญชง กัญชาโดยเฉพาะ เมื่อมีความมั่นใจว่ากัญชง กัญชาไม่เป็นยาเสพติดอีกต่อไปแล้ว จะต้องเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นทางเลือกในการทำมาหากินให้กับประชาชน เพิ่มมูลค่าเป็นแสนล้านบาท ฉะนั้นเราจึงจำเป็นและเห็นควรว่าจะต้องมีกฎหมายที่มากำกับดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ เพื่อให้เกิดความชัดเจนและไม่ต้องตีความอีกต่อไป ซึ่งทั้งนี้ต้องใช้เวลา อีกไม่นานเราจะไม่เห็นกัญชง กัญชาเป็นยาเสพติดอีกต่อไป เมื่อเขาให้คุณประโยชน์ออกมามากมายก็ไม่มีใครที่อยากกลับไปใช้ในส่วนที่เป็นโทษ เรามีความมั่นใจมนุษย์ทุกคนเป็นแบบนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image