กลยุทธ์ชู ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกตั้งซ่อม ณ จตุจักร หลักสี่
การชูชัยชนะของ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ในการเลือกตั้ง ‘ซ่อม’ เขต 9 จตุจักร หลักสี่ เท่ากับเป็นชัยชนะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยพรรคพลังประชารัฐเป็น ‘ดาบสองคม’ ทางการเมือง
เท่ากับวางเดิมพันของ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ เป็นเดิมพันเดียวกันกับของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ทั้งยังเป็น ‘เดิมพัน’ ในโค้งสุดท้ายทางการเมือง เพราะผลักดัน ขึ้นมาในวันที่ 26 มกราคม 4 วันก่อนการลงคะแนนเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม
น่าสนใจที่เป็นการตัดสินใจภายหลัง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงพื้นที่ช่วยหาเสียง และอยู่ในห้วงที่ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งต้องถูกกักเนื่องจากติดโควิด-19
น่าสนใจที่ความพยายามในการชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ขึ้นสูงเด่นมิได้มีแต่เพียงพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น หากพรรคไทยภักดีก็ชู พรรคกล้าก็กระมิดกระเมี้ยนในการชู
กลายเป็นสถานการณ์ที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคไทยภักดีและพรรคกล้าแย่งกันชู พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อดึงคะแนน
หากมองจากด้านของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็เหมือนกับว่าคะ แนนและความนิยมยังคงสูงเด่น เพราะเมื่อพรรคประชาธิปัตย์ชูขึ้นระหว่างต่อสู้ในการเลือกตั้งซ่อมที่ชุมพร สงขลา ก็ได้ชัยชนะ
ทั้งยังได้ชัยชนะเหนือคนของพรรคพลังประชารัฐที่มิได้ชูภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่าใด
การตัดสินใจของพรรคพลังประชารัฐใน ‘โค้งสุดท้าย’ ทางการ เมืองจึงเท่ากับเป็นการวางเดิมพันอย่างชนิดหมดตัวเพื่อไปยื้อแย่งคะแนนมาจากพรรคไทยภักดีและพรรคกล้า
ตั้งความหวังว่าจะสามารถทะยานไปเหนือกว่าไม่ว่าจะเป็นคะแนนของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าคะแนนของพรรคก้าวไกล
รักษาความเป็นเจ้าของพื้นที่ให้อยู่กับพรรคพลังประชารัฐ
พลันที่พรรคไทยภักดีชูภาพ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พลันที่พรรค กล้าประกาศที่จะเข้าไปทำงานเสริมความแข็งแกร่งให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คำประกาศของพรรคพลังประชารัฐจึงมากด้วยความอ่อนไหว
เป็นความอ่อนไหวที่คะแนนและความนิยมของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะถูกแบ่งสันปันส่วนไปเป็น 3 จุดในลักษณะกระจาย
การตัดคะแนนในกลุ่ม พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จึงเกิดขึ้น