การเปลี่ยน “กลยุทธ์” ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคม ของพรรคพลังประชารัฐ ต่อการเลือกตั้งซ่อมในพื้นที่เขต 9 จตุจักรหลักสี่ ทรงความหมายสูงยิ่งในทางยุทธศาสตร์
ไม่เพียงแต่ตอกย้ำถึงความสัมพันธ์ที่มิอาจแยกออกจากกันในระหว่าง”3 ป.”อันเริ่มต้นจาก”บูรพาพยัคฆ์”เท่านั้น
หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังขึ้นอยู่กับจังหวะก้าวสำคัญ 2 จังหวะก้าว 1 การเดินทางไปเยือนซาอุดิอาระเบียของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังจากมีปัญหามากว่า 30 ปี
ขณะเดียวกัน 1 คือ การจัดระบบทั้งภายในพรรคพลังประชารัฐ และระหว่างพรรคพันธมิตรอย่างพรรคเศรษฐกิจไทยของ พล.อ.ประ วิตร วงษ์สุวรรณ
คำขวัญของพรรคพลังประชารัฐที่ว่า “รักลุงตู่ กาเบอร์ 7” จึงได้รับการชูจาก นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ ขึ้นสูงเด่น
ไม่เพียงแต่เน้นเอกภาพระหว่างทำเนียบรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ หากที่สำคัญเป็นอย่างมากก็คือการย้อนไปยังผลพลอยได้ จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม 2562 อีกครั้ง
กลยุทธ์ในโค้งสุดท้ายของพรรคพลังประชารัฐอาจสะท้อนสายสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง”กลุ่ม 3 ป.”ซึ่งบ่งถึงการร่วมมือระหว่าง กลไกภายใน”อำนาจรัฐ”อย่างเข้มข้น
ไม่เพียงจาก 1 ทำเนียบรัฐบาล หากแต่ 1 ซึ่งสำคัญเป็นอย่างสูงคือกรุงเทพมหานครในการกำกับของกระทรวงมหาดไทย
เนื่องจากไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ล้วนตระหนักว่าภายใน “3 ป.” มิอาจแยกออกจากกันได้อย่างเด็ดขาด
หากแยกออกจากกันไม่เพียงแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะต้องสาหัสหากแต่ความสาหัสจะกระเทือนไปอีก 2 ป.
นั่นคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา
ผลของการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 30 มกราคมจะเป็นดัชนีชี้ให้เห็น อย่างเป็นรูปธรรมว่า ความร่วมมืออย่างแข็งขันระหว่าง “กลุ่ม 3 ป.” จะปรากฏออกมาอย่างไรต่อพรรคพลังประชารัฐ
และจะส่งผลสะเทือนต่อคู่ต่อสู้อย่างพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล ตลอดจนพรรคกล้าและพรรคไทยภักดีอย่างไร
คำตอบจะเห็นได้อย่างเด่นชัดในวันที่ 30 มกราคม แน่นอน