เพื่อไทยแห่ขอบคุณ ปชช.วางใจเลือก ‘สุรชาติ’ ยกผลเลือกตั้งสะท้อน ‘ประยุทธ์’ ลาออก-ยุบสภา (คลิป)

‘แกนนำ พท.’ พร้อม ‘สุรชาติ’ เดินสายแห่ขอบคุณ ปชช. ‘ชลน่าน’ ย้ำไม่มองใครเป็นศัตรู แต่จะร่วมมือกับใครคนนั้นต้องประกาศชัดว่าไม่เอาเผด็จการ ยกผลการเลือกตั้งสะท้อนให้ ‘ประยุทธ์’ พิจารณาลาออก หรือยุบสภา

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 31 มกราคม ที่หน้าวัดหลักสี่ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรค นายสรวงศ์ เทียนทอง รองหัวหน้าพรรค น.ส.จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และนายสุรชาติ เทียนทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เขต 9 กทม. หลักสี่-จตุจักร พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ก. และทีมงานได้ขึ้นรถแห่เพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนในพื้นที่เลือกตั้งซ่อมเขต หลังผู้สมัครได้รับเสียงจากประชาชนจำนวนมากจนชนะการเลือกตั้ง

โดยก่อนจะเริ่มเดินสายขอบคุณประชาชน นายสุรชาติ และคณะ ได้สักการะพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในวัดหลักสี่เพื่อความเป็นสิริมงคล เนื่องจากนายสุรชาติเคยบวชเรียนที่วัดแห่งนี้

นายสุรชาติกล่าวว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนจากใจ สิ่งที่พี่น้องประชาชนให้ตนมามากกว่าชัยชนะ เป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับชีวิตตน ชัยชนะสำหรับตนมาพร้อมความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ต่อไปก็จะทำงานรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างตั้งใจที่สุด ทุ่มเททุกวันในชีวิตเหมือนที่ทำมาตลอด 17 ปี อย่างไรก็ตาม สำหรับงานในสภาคือ การให้ความสำคัญกับการพัฒนาชีวิตของประชาชน ตนไม่ได้คิดว่าการเข้าไปในสภาครั้งนี้จะเข้าไปเพื่อล้มล้างใคร หรือทำลายใคร แต่เราจะเอาตัวเราเข้าไปเป็นกระจกสะท้อนความคิดของพี่น้องประชาชนไปยังรัฐบาล

Advertisement

นายสุรชาติกล่าวว่า แม้ระยะเวลาในสภาประมาณ 1 ปีที่เหลือนี้ หากเราสะท้อนไปแล้วรัฐบาลจะนำไปปรับปรุงแก้ไข หรือช่วยเหลือประชาชน ก็พร้อมจะเป็นคนคนนั้น ทั้งนี้ มีหลายเรื่องที่อยากทำให้พี่ป้าน้าอา อายุสภาที่เหลือตนอยากลงพื้นที่ไปพบพี่น้องประชาชนให้ได้ทั่วทุกพื้นที่ด้วยตัวเอง และจะใช้วิธีเดินเท้าเข้าไปพบ และรับฟังข้อร้องเรียน หรือปัญหาต่างๆ นอกจากนี้ สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ที่จะมีในปีหน้าก็จะเก็บเกี่ยวปัญหาของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ร่วมผลิตนโยบายร่วมกับพรรค พท. เพื่อนำเสนอเป็นนโยบายของพรรค

เมื่อถามถึงเรื่องร้องเรียนการทุจริตการเลือกตั้งที่รวบรวมไว้ นายสุรชาติกล่าวว่า ต้องใช้เวลาศึกษาในรายละเอียด ซึ่งตนต้องการให้การเลือกตั้งครั้งนี้ต้องเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมที่สุด

Advertisement

ด้าน นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในนามของพรรค พท.และคณะ เราจะขึ้นรถแห่เพื่อขอบคุณพี่น้องประชาชนในเขตหลักสี่และจตุจักร รวม 5 แขวง คือ 3 แขวงของเขตจตุจักร และ 2 แขวงของเขตหลักสี่ อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขผู้มาใช้สิทธิจะน้อย อยู่ที่ 52.86% หรือ 88,000 คน เราก็ขอขอบคุณทุกคนที่ออกมาใช้สิทธิรักษาอำนาจอธิปไตยของแต่ละท่าน และอยากขอบคุณคะแนนของนายสุรชาติได้รับความไว้วางใจจากประชาชนถึง 29,416 คน เป็นไปตามที่บอกไปกับพี่น้องประชาชนนในตอนรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง และพี่น้องก็ตอบโจทย์นั้นจริงๆ คือ เลือกคนทำงานจริงไม่ทิ้งพื้นที่ ทำงานด้วยหัวใจ เพื่อศักดิ์ศรีของชาวจตุจักร หลักสี่ ผลการเลือกตั้งก็ตอบโจทย์ชัด

นพ.ชลน่านกล่าวว่า ต่อมาคือเลือกให้ชนะขาด เขตจตุจักรเราได้คะแนนเพิ่มขึ้นมา เราถือว่าเราทำสำเร็จ และพี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมกับเราอย่างแท้จริง ทั้งการตอบโจทย์เรื่องความล้มเหลวของรัฐบาล และความต้องการที่จะมีชีวิตอย่างมีความหวัง มีอนาคตที่ดีให้กับลูกหลาน

เมื่อถามว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) มีคะแนนเสียงเป็นอันดับ 2 ในอนาคตข้างหน้าพรรค ก.ก.อาจจะถือเป็นคู่แข่งของพรรค พท.ในการเลือกตั้ง นพ.ชลน่านกล่าวว่า ในทางการเมือง ทุกพรรคการเมืองถือเป็นคู่แข่ง แต่เราไม่ใช่ศัตรูกัน เราถือว่าทุกพรรคมีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดี โดยเฉพาะสร้างระบอบการปกครองแบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดยในระบบรัฐสภาถ้าทุกพรรคช่วยกันทำอย่างนี้จะทำให้การเป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้นได้จริง ตนไม่ได้มองว่าการมีพรรคใดเกิดขึ้นมาจะกระทบหรือไม่ แต่อยู่ที่เราต้องทำหน้าที่เพื่อตัวเรา และเพื่อพี่น้องประชาชน

เมื่อถามถึงกรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า อดีตเลขาธิกรพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กภายหลังการเลือกตั้งซ่อม กทม.เขต 9 ระบุว่า ‘ผมดีใจมากครับที่เห็นพี่น้องประชาชนออกมาใช้สิทธิใช้เสียงเลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยครับ the enemy of enemy is myfriend’ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนี้ขอนุญาตไม่แสดงความคิดเห็น เพราะเป็นทรรศนะ ทุกคนสามารถเป็นเพื่อน และเป็นมิตรกันได้ในทางการเมือง แล้วแต่อุดมคติ อุดมการณ์ และแนวในการทำงานร่วมกัน

นพ.ชลน่านกล่าวว่า หากคิดว่าแนวทางไปด้วยกันไม่ได้ ไม่เป็นประโยชน์กับบ้านเมือง หากจะคิดมาดูแนวทางใหม่แล้วนำมาปรับใช้ก็อาจจะเป็นประโยชน์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะร่วมงานกัน แต่ขอขอบคุณที่มองว่า พท.เป็นที่พึ่งที่หวังให้ประชาชน อย่างไรก็ตาม เรายืนยันว่าพรรค พท.ยังยึดมั่นในอุดมการณ์ของพรรค เราต่อต้านเผด็จการ และต้องการส่งเสริมให้มีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง

“หากใครมาร่วมงานกับเราต้องประกาศให้ชัดว่าไม่ร่วมมือกับเผด็จการ และเราเองดูวิธีการทำงานของแต่ละคนด้วยว่าสิ่งที่ทำเป็นประโยชน์ต่อประชาชนหรือไม่ และกระทบกับแนวทางการทำงานของเราหรือไม่ ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการพิจารณาว่าพรรคจะร่วมงานกับใคร” นพ.ชลน่านกล่าว

เมื่อถามว่า ผลการเลือกตั้งที่ออกมาอยากฝากอะไรถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ นพ.ชลน่านกล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์คงดูและติดตามผลการเลือกตั้ง รวมถึงคงมีทีมงานคอยประเมินผลตลอด หากไม่มีการบิดเบี้ยว บิดเบือน และเปิดรับความเห็นของพี่น้องประชาชน การเลือกตั้งครั้งนี้สะท้อนการทำหน้าที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ที่ไม่สามารถนำพาพี่น้องออกจากวิกฤตได้เลย ซ้ำยังตอกย้ำวิกฤตอีก ทำให้พี่น้องประชาชนหมดหวัง ไร้อนาคต ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจให้ประชาชน ให้ประชาชนตัดสินเลือกว่าเขาจะให้ใครทำหน้าที่ดูแลประเทศชาติ และคุณภาพชีวิตของพวกเขา ขอฝาก พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาด้วย เพราะการยุบสภาไม่ใช่เรื่องน่าอาย แต่เป็นทางออก และทางเลือกในทางประชาธิปไตย

“หาก พล.อ.ประยุทธ์ยุบสภา ผมจะไปกราบขอบคุณท่านเป็นคนแรก อย่างน้อยท่านก็มีจิตใจที่รักบ้านรักเมือง รักพี่ประชาชน รักลูกหลาน หรือหากไม่ยุบสภา แต่ท่านบอกว่าจะไม่อยู่เกิน 8 ปี ซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 23 สิงหาคม 2565 เท่านั้น ก็ไม่ใช่การเสียหน้า ท่านควรได้หน้าด้วยซ้ำไป ควรคิดเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง อย่าเห็นแก่ตัว อย่าเห็นแก่อำนาจ อย่าเห็นแก่ประโยชน์ของพวกพ้อง สามารถทำได้

“ถ้าเป็นฟากฝั่งของประชาธิปไตยจะพูดว่านี่คืออาณัติสัญญาณของฝั่งประชาธิปไตย วิถีของประชาธิปไตยพูดอย่างนี้ แต่คงเอาบรรทัดฐานนี้ไปใช้กับผู้ที่ยึดอำนาจ หรือสืบทอดอำนาจคงยากหน่อย ทั้งนี้ ฝากท่านคิดเพื่อชาติบ้านเมือง ที่ผ่านมา 7 ปีท่านน่าจะได้เรียนรู้ ยุบสภาจะเป็นการลงจากอำนาจสวยที่สุด ฝากท่านด้วยครับ” นพ.ชลน่านกล่าว

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้นอกจากจะไม่ประสบความสำเร็จแล้ว ยังเป็นการลงโทษจากประชาชน เพราะในช่วงการรณรงค์หาเสียง พรรค พท.ยืนยันว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการคืนศักดิ์ศรีให้พี่น้องชาวหลักสี่-จตุจักร และผลการเลือกตั้งก็ออกมาสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนที่ไม่สนับสนุนพรรคการเมืองที่ไม่มีแนวทาง ประชาธิปไตย ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นเพียงจุดเล็ก หากพรรค พปชร.พิจารณาและปรับตัวให้ถูกต้องอาจจะอยู่ได้ แต่ถ้ายังคงดื้อดึงต่อไป อาจจะกลายเป็นพรรคที่มี ส.ส.ต่ำกว่า 50 คนในอนาคตได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image