‘อุตตม’ คุยสมาพันธ์ SME ขายฝันตั้งกองทุนสร้างอนาคต ลั่นพร้อมเลือกตั้งกลางปีนี้

“อุตตม” ลั่นพร้อมเลือกตั้งกลางปี ลุ้นข่าวดี “สมคิด” นำทีมแก้ ศก. ขายฝันเอสเอ็มอีตั้ง “กองทุนสร้างอนาคตเอสเอ็มอีไทย” แสนล้านล้างหนี้-ฟื้นธุรกิจ ด้านสมาพันธ์เอสเอ็มอี วอนพรรคการเมือง กระตือรือร้นแก้หนี้ 3 กอง

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 3 กุมภาพันธ์ ที่สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ถนนประชาชื่น นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ผู้ร่วมก่อตั้งพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมคณะ ได้พบปะหารือกับคณะกรรมการสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย ในหัวข้อ “มาตรการและนโยบายฟื้นฟูและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยที่ SME ต้องการ” โดย นายอุตตม กล่าวภายหลังว่า เราเร่งทำงานเต็มที่ เลือกตั้งเมื่อไหร่ เรามีความพร้อม ที่จะเสนอตัวลงสนามการเลือกตั้ง การตั้งพรรค หรือสาขาพรรคอยู่ระหว่างการดำเนินการ สำเร็จไปแล้วบางส่วนและจะดำเนินการต่อ หากมีการเลือกตั้งกลางปีนี้ เรามีความพร้อม เรากำลังดูยุทธศาสตร์การส่งคนของเรา เชื่อว่า จะส่งครบ

“ส่วนการลงพื้นที่เยาวราชนั้น อย่างที่เคยเรียนไป ได้มีการหารือ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ มาต่อเนื่อง เมื่อเราคิดตั้งพรรค และผู้ก่อตั้งได้เรียนนายสมคิด ท่านก็ให้การสนับสนุนว่า เป็นสิ่งที่สมควรทำ ได้เรียนไปแนวคิดคือ อยากให้ท่านสมคิดมาทำงานกับเราอย่างเต็มตัว ซึ่งสะท้อนจากเสียงเรียกร้องจากหลายภาคส่วน และรวมกับหลายภาคส่วน ที่จะวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แล้วร่วมกับสร้างอนาคต วันนี้คนไทยต้องการเห็นว่าไปทางไหน โอกาสอยู่ที่ใด เอสเอ็มอีก็สะท้อนมาแยะ ต้องการเห็นโอกาสและทำงานเพื่อโอกาสนั้นด้วยตนเอง รัฐต้องมีส่วนสนับสนุนให้เขาสามารถสร้างโอกาสและสานฝันได้จริง ไม่ว่าจะทุนหรือทักษะ” นายอุตตมกล่าว

เมื่อถาม นายสมคิด จะมาร่วมทำงานกับพรรคนั้น นายอุตตม ท่านสมคิดรับทราบ ไม่ได้กำหนดเวลา ขอให้รออีกนิด ท่านก็ติดตามสถานการณ์อยู่แล้ว ส่วนมาเป็นนำทีมเศรษฐกิจหรือไม่นั้น เป็นสิ่งที่เราคุยกับท่าน อยากเห็นท่านทำเรื่องเศราฐกิจ และเป็นตัวหนักของพรรค ตามที่หลายภาคส่วนสะท้อนมา ซึ่งการประชุมใหญ่ก็จะประกาศโครงสร้างพรรค ว่าจะรู้ใครอยู่ตรงไหน เชื่อว่าอีก 2-3 เดือนจากนี้ เห็นโครงสร้าง และตัวบุคคลชัดเจนขึ้น ทั้งนี้ ตอนนี้ไม่รู้จริงๆ ว่า จะเลือกตั้งเมื่อไหร่ แต่จะใช้เวลานี้ของพรรคสร้างอนาคนไทย เร่งงานออกมา ตามที่เราตั้งใจทำเรื่องเศรษฐกิจ เราต้องเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจ

“แคนดิเดตนายกฯ ยังพอมีเวลาไม่ทำเป็นต้องมาพร้อมโครงสร้างพรรค ส่วนเป็นท่านสมคิดหรือไม่ ตอบแทนเพื่อนสมาชิกไม่ได้ ต้องหารือ แต่ส่วนตัวผมว่าใช่ ส่วนคนอื่นว่าอย่างไร ต้องไปฟังก่อน การเลือกชื่อนายกฯสามารถเสนอได้ 3 ชื่อ แต่จะเสนอชื่อกี่ชื่อในตอนต้นก็ว่ากัน ส่วนการหารือกับสนามเลือกตั้งท้องถิ่น เราเป็นพรรคใหม่ อาจทำไม่ทัน ตอนตั้งพรรคก็มองภาพใหญ่เศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี การเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. พรรคก็ติดตาม ไม่ส่งเองก็ต้องสนับสนุนผู้ที่ต้องมาแก้ไขปัญหา และนำพา กทม. เพื่อประโยชน์ประชาชน พรรคก็ยินดี สมาชิกพรรคก็มีอยู่ตลอดที่นำเสนอมา” นายอุตตมกล่าว

Advertisement

นายอุตตมกล่าวว่า ในการมาพบสมาพันธ์ ก็เสนอนโยบายสร้างอนาคตเอสเอ็มอีไทย แบ่งเป็น 3 ส่วนย่อย คือ ส่วนแรก การเติมทุนให้ผู้ประกอบการเอสเอ็ม หวังช่วยสภาพคล่องเฉพาะหน้า และสำคัญคือต่อยอดให้ทุนใหม่ไปต่อยอด ถ้าล้มแล้วลุกมาได้และมีกำลังทุนพอ เรียกว่า “กองทุนสร้างอนาคตเอสเอ็มอีไทย” เบื้องต้นกำหนดวงเงิน 1 แสนล้านบาท อีกส่วนคือมาตรการลดภาระการเงิน ลดภาระหนี้ธุรกิจ หนี้ครัวเรือน และหนี้นอกระบบ และเชื่อโยงทุนใหม่ไปต่อยอดได้จริง จ่ายหนี้อย่างเดียว เราจะดูเป็นองค์รวม รวมถึงภาษีด้วย ส่วนที่สามคือการพัฒนาขีดความสามารถ องค์ความรู้ ทักษะ เทคโนโลยี เว็บ 3.0 เป็นต้น จะช่วยกันปรับเปลี่ยนระบบนิเวศ เอสเอ็มอี เข้าอยู่ เข้าทำงาน สร้างรายได้ครอบครัว โยงถึงภาครัฐช่วยเหลือเอสเอ็มอี เข้าถึง ลดซ้ำซ้อนและใกล้ชิดเอกชนมากขึ้น

ทั้งนี้ เอสเอ็มอีมีความสำคัญมากต่อระบบเศรษฐกิจ ทั้งจำนวน และแรงงาน ซึ่งพรรคเชื่อเอสเอ็มอีมีศักยภาพสูงมาก เพียงแต่เติมให้เต็มช่วย อาจยังไม่กำหนดเป้าหมาย แต่เราจะมุ่งช่วยปัญหาเอสเอ็มอีให้บรรเทาได้ ถึงจุดที่ก้าวต่อไปได้ คนที่ล้มลุกมาได้ เป็นที่มาของพรรคพิจารณามาและนำเสนอ เชื่อว่าทำให้เอสเอ็มอีฟื้นและสร้างมั่นคงให้ประเทศ ซึ่งกองทุนฯ วงเงิน 1 แสนล้านบาท ที่พรรคนำเสนอว่าจะช่วยเอสเอ็มอีลดภาระและฟื้นฟูธุรกิจได้เป็นล้านราย โดยจากนี้ก็จะเข้าหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรม หรือธุรกิจต่างๆ สัปดาห์หน้าก็จะเข้าหารือภาคท่องเที่ยว

Advertisement

นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวว่า นโยบายพรรคสร้างอนาคตไทย สอดคล้องกับความต้องการที่สมาพันธ์ต้องการเห็น ซึ่งเอสเอ็มอีตอนนี้เผชิญปัญหารายได้ลดหรือไม่มีรายได้เท่าเดิม แต่รายจ่ายและหนี้สินเพิ่มขึ้น ส่วนการจะถึงแหล่งทุนนั้นยากมาก อย่าง 100 รายขอกู้เงิน เพียง 25% ผ่าน แต่อีก 75% ถูกที่ตก แล้วกลุ่มเหล่านี้จะเป็นอย่างไร หรือ ตัวเลขทางการตอนนี้ระบบหนี้เสียแล้วหรือกลุ่มสีแดง 5 แสนล้านบาท และหนี้ที่ต้องเฝ้าระวังหรือกลุ่มสีเหลือง อีก 1.1 ล้านล้านบาท จะดูแลอย่างไรให้กลุ่มสีเหลืองไม่เป็นกลุ่มสีแดง และกลุ่มสีเขียวมาเป็นสีเหลืองและแดงต่อไป หากครึ่งปีหลังขึ้นดอกเบี้ยอีกจะมีผลกระทบต่อต้นทุนและหนี้เอสเอ็มอีหนักขึ้นอีก

เมื่อถามเห็นอย่างไร หากนายสมคิดนำทีมเศรษฐกิจและนั่งนายกรัฐมนตรีนั้น นายแสงชัย กล่าวว่า ท่านสมคิด ที่ผ่านมาเด่นทำเศรษฐกิจฐานราก แต่ปัจจุบันมองว่าเศรษฐกิจฐานรากฟื้นยังห่างไกล กังวลจากนี้เศรษฐกิจฐานรากและรายย่อยจะจนลงอีกมาก ซึ่ง 2 ปีที่ผ่านมา เราก็ยังไม่เห็นความคืบหน้า ทั้งเรื่องดิจิทัลแฟคเจอริ่ง โครงการพักหนี้ ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) กองทุนฟื้นฟูลดสมทบ ซึ่งการพบกับพรรคสร้างอนาคตไทย เห็นเป็นโอกาสที่ดี และแนวทางแก้ไขอุปสรรคเอสเอ็มอีได้ตรงปัญหา อยากให้ทุกพรรคกระตือรือร้นเรื่องนี้ หากไม่เร่งแก้ปัญหาหนี้ 3 ก้อน ทั้งหนี้ธุรกิจ หนี้ครัวเรือน และหนี้นอกระบบ จนลุกลาม จะเห็นเศรษฐกิจชลอตัวจากนี้ ซ้ำเติมที่เจอผลกระทบจากโอมิครอนกำลังระบาดเพิ่ม เพราะตอนนี้แม้ประเทศ ผ่อนคลายมาตรการแต่กำลังซื้อยังไม่เท่าเดิม หนี้สินสูง และความเชื่อมั่นต่อการเปิดกิจการ หรือลงทุนยังต่ำ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image