‘เอ้’ พร้อมโดนสอบ รับเมียรวย แจงยิบเส้นทางทรัพย์สิน เปิดรายได้ส่วนสำคัญมาจากวิศวกร

‘เอ้’ พร้อมโดนสอบ รับเมียรวย แจงยิบเส้นทางทรัพย์สิน เปิดรายได้ส่วนสำคัญมาจากวิศวกร

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการ “เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand” ถึงกรณีที่ คณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ออกมาสอบกรณีร่ำรวยผิดปกติ โดยระบุว่า บอกว่า 300 ล้านก็ไม่แฟร์กับผม อย่าลืมว่าผมเพิ่งแต่งงาน เมื่อ 3 ปีที่แล้ว เป็นครั้งแรกที่ยื่นทรัพย์สินพร้อมภรรยา ทั้งนี้ ทรัพย์สินภรรยามากกว่า และเราก็แสดงให้ละเอียดที่สุด เช่นเดียวกัน ในการแสดงทรัพย์สินแต่ละครั้ง เขาระบุว่า ต้องให้มูลค่าปัจจุบัน อย่างถ้าเรามีบ้าน หรือที่ดิน ต้องอ้างอิงกับราคาปัจจุบันเสมอ เพราะฉะนั้น เวลาผ่านไป ต่อให้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทรัพย์สินก็จะเพิ่มขึ้นตามมูลค่าราคาปัจจุบันเสมอ

“ในการแสดงทรัพย์สิน ก็ต้องยื่นหลักฐานการเสียภาษี จะสอดคล้องกับทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน การยื่นหลักฐานการเสียภาษีอย่างถูกต้อง และจ่ายภาษีอย่างถูกต้อง บอกได้เลยว่า ทุกอย่าง พร้อม ได้รับการตรวจสอบ เช่นเดียวกัน ที่สจล. ตอนที่เป็นอธิการบดีนี้ ป.ป.ช.ก็มาประเมินทุกมหาวิทยาลัย ก็ได้คะแนนที่ดี ถือเป็นข้อพิสูจน์ทุกอย่าง ทำงานอย่างโปร่งใส ใช้ชีวิตอย่างโปร่งใส”

เมื่อถามว่าทรัพย์สินเพิ่มที่ภรรยาใช่หรือไม่ ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ใช่ ป.ป.ช.มีกฎหมายว่าเป็นอธิการบดีไป 3 ปี ต้องยื่น ที่ยื่นไปล่าสุดก็คือครบ 3 ปี อยู่กี่สมัยต้องยื่น ล่าสุดที่ต้องยื่นในช่วงที่ผ่านมา ต้องยื่นภรรยาที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายด้วย จึงเห็นว่ามีทรัพย์สินของภรรยาขึ้นมา ส่วนใน 342 ล้าน เป็นของภรรยา 200 ล้านใช่ไหม ดร.เอ้ รับว่า ใช่ และยังมีหนี้สินของผมอีกด้วย โดยเป็นหนี้สินที่เกิดจากการสร้างบ้าน เพิ่งไปรีไฟแนนซ์มา

ส่วนข้อสงสัยของหลายฝ่าย ที่ว่าเมื่อ 19 กันยายน 2563 มีตัวเลขทรัพย์สิน 74 ล้านบาทนั้น ขณะนั้นยังไม่ได้แจ้งทรัพย์สินในส่วนของภรรยา อันนี้ต้องไปดู ไม่มีอะไรผิดพลาดเลย

Advertisement

เมื่อถามว่า ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเยอะใน 1 ปี เพิ่มมาจากส่วนใด ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ผมเป็นวิศวกรอาชีพ อย่าลืมประเมินตรงนี้ เป็นวุฒิวิศวกร คือวิศวกรขั้นสูงสุด เพราะฉะนั้น รายได้ทุกปี ตั้งแต่กลับจากสหรัฐ ก็มาจากการประกอบวิชาชีพวิศวกร ซึ่งหลายท่านก็ติดตามการออกแบบ ไม่ว่าจะเป็นอุโมงค์ลอดใต้แม่น้ำเจ้าพระยา ที่ได้ใช้บริการกัน และมีโครงการอีกจำนวนมากที่ขอเป็นวิศวกรขั้นสูงสุดได้ รายได้ส่วนสำคัญมาจากวิศวกรที่เป็นอาชีพ นอกจากนี้ ยังมีรายได้จากเบี้ยประชุม โบนัส การเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้น ก็จะเห็นเพิ่มขึ้น เช่นเดียวกัน มีหนี้ก้อนมหึมาเกิดขึ้น เมื่อหักลบแล้วจะเห็นว่าไม่แตกต่าง

ถามว่า หนี้ที่ได้แสดงจำนวน 26 ล้านบาท เป็นหนี้ที่เกิดจากการสร้างบ้านใช่หรือไม่ ดร.สุชัชวีร์กล่าวว่า ใช่ เพิ่งรีไฟแนนซ์ไป กู้ไป 35 ล้าน ที่จริงเดี๋ยวนี้ ถ้าเห็นบ้านจัดสรรราคาไปไกลมาก ผมเนื่องจากเป็นนายช่าง ก็ทำเอง จะได้รู้ว่าทำอย่างไรให้ราคาถูก บ้านแค่แปลก เพราะดีไซน์เองกับสถาปนิก แต่ไม่ได้หรูหราอะไร วอลเปเปอร์ก็ไม่มี วัสดุธรรมดา เป็นลอฟท์หน่อยๆ เลยทำให้แพง อีกอย่างเราอยู่กัน 3 เจน คุณพ่อคุณแม่อยู่ ผมอยู่ และ ลูกอยู่ ก็มีห้องเยอะ

“ในแต่ละปีมีรายได้ 18.7 ล้านบาท ก็ถือว่าเยอะ แต่ผมจบปริญญาเอกวิศวกรมา 20 ปีแล้ว หากไปดูคนในวัยเดียวกัน ที่จบมาคล้ายๆกัน เขาไปไกลกว่าผมแล้ว หลายแห่งก็เชิญเราไปเป็นกรรมการ”

Advertisement

เมื่อถามว่า 18.7 ล้านต่อปีนี้ เป็นรายได้จากราชการเท่าใด ดร.เอ้ กล่าวว่า ผมเงินเดือนใกล้เต็มขั้น เพราะเป็นศาสตราจารย์ตั้งแต่อายุน้อยๆ ตั้งแต่ 37-38 เงินเดือนจึงกระโดด ทำให้เงินเดือนราชการสูง ประมาณ 1 แสนบาท ส่วนที่เหลือเป็นเงินเดือนประจำตำแหน่งอธิการบดี ที่กำหนดไว้ก่อนหน้าจะไปเป็นอธิการบดีแล้ว มีค่าประจำตำแหน่งเริ่มจากน้อยๆ และประเมินไปเรื่อยๆ และขึ้นไปทุกปี เพราะผมอยู่มา 7 ปีแล้ว จริงๆก็เต็มขั้น เขาจะให้เพิ่มแต่ผมปฏิเสธ ว่าไม่ต้องการเงินเดือนเพิ่ม อธิการบดี จะเริ่มตั้งแต่ 1 แสน – 4 แสนบาท เต็มขั้นคือ 4 แสนบาท จึงรับที่เดือนละ 5 แสนกว่า ปีหนึ่งรับเงินเดือน 6-7 ล้านต่อปี ที่เหลือเป็นค่าวิชาชีพ และ การเป็นกรรมการที่ต้องการวิศวกรอาชีพไปเป็นกรรมการ ซึ่งปลายปีก็จะมีโบนัส และหุ้นที่เพิ่มขึ้น

ถามว่า รู้หรือไม่ว่าใครไปร้อง ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไม่ทราบเลย ได้ข่าวเมื่อวาน มีคนส่งมาให้ ยังไม่ทราบข้อมูลเลย นึกไม่ออกจริงๆ อย่างกรณีเงิน 1,600 ล้านบาทหาย เป็นวิกฤตสุดๆ ผมก้าวมาเป็นอธิการบดี ไปแก้วิกฤตตรงนั้นได้ จนวันนี้มหาวิทยาลัยเป็นมหาวิทยาลัยระดับโลก การทำงาน เอาเป้าหมายส่วนรวมตั้ง ก็อาจจะเจอแรงกดดันได้ จริงๆแล้วไม่คิดว่าโจทก์เยอะ เพราะการที่จะเป็นนักเปลี่ยนแปลงได้ คนรักต้องมากกว่าเยอะ ไม่งั้นไม่อาจพลิกสถานการณ์ได้ คนรักต้องมากกว่ามหาศาล หากคนไม่ชอบ เขาก็ต้องทำทุกวิถีทาง ขณะเดียวกันก็รับน้องกันเบาๆหน่อยก็ดี

ถามว่ากังวลไหม ที่ผู้รับผิดชอบสำนวนเป็นคนของก้าวไกล ที่ส่งคนลงผู้ว่าฯกทม.เช่นกัน ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ส่วนตัวไม่เชื่อว่าเป็นแบบนั้น ไม่คิดว่าเป็นเรื่องการเมือง และถือว่าท่านทำหน้าที่ของท่าน และยังมั่นใจเรื่องระบบความยุติธรรม และไม่ขอให้มีการเปลี่ยนตัว ตอนนี้ก็ยังไม่ได้ข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ยินดีให้ตรวจสอบ โดยส่วนตัวเชื่อว่าไม่น่าเป็นเรื่องการเมือง เชื่อเรื่องความเป็นธรรม

ดร.สุชัชวีร์ ยังกล่าวว่า เรื่องนี้ มีแต่คนให้กำลังใจ เมื่อวานกับภรรยานั่งคุยถึงค่ำ ภรรยาก็ให้กำลังใจ หลายๆครอบครัวก็บอกว่าการเข้าสู่เส้นทางการเมือง จะทำให้ครอบครัวเดือดร้อน แต่ผมโชคดี คุณพ่อคุณแม่และภรรยาเข้าใจ วันก่อน เดือนที่แล้ว ชีวิตที่ครอบครัวที่อบอุ่น มีเกียรติ ออกมาเดือนหนึ่งไม่รู้เจออะไรนักต่อนัก จะบอกว่าหากทำเพื่อตัวเองก็คงไม่ออกมา เพราะผมมีชีวิตเต็มแล้ว มีครอบครัวที่ดี ผมบอกเลยว่า อยากออกมาเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ดี เพื่อลูกเล็กๆของผม ก่อนจะทำได้ ก็ต้องทนให้ได้ก่อน

ส่วนเรื่อง ฝันจะเป็นอภิสิทธิ์ 2 นั้น ดร.สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไม่กล้าเทียบกับท่าน ท่านเป็นผู้นำที่มีพรสวรรค์สูง แต่ขอเป็น 1 คน อาสาทำงานที่ตนถนัด เส้นทางการเมืองก็ไม่ได้เซอร์ไพรส์ที่จะเจออะไรแบบนี้

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image