เครือข่ายแรงงานฯผนึกแนวร่วม ยื่นหนังสือทวงนโยบาย พปชร. จี้นายกฯแก้ปัญหาปากท้อง

เครือข่ายแรงงานฯผนึกแนวร่วม ยื่นหนังสือทวงนโยบาย พปชร. จี้นายกฯแก้ปัญหาปากท้อง

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษยชน กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และแนวร่วมต่างๆ รวมตัวกันเพื่อทวงถามข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่เคยหาเสียงไว้ในเรื่องการแก้ปัญหาของแพงและค่าแรงขั้นต่ำ ที่บริเวณหน้าคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ถนนพิษณุโลก

ต่อมาเวลา 10.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมยืนถือป้ายไวนิลนโยบายหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐที่เขียนไว้ว่า จะมีการดันค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท, ป.ตรี เงินเดือน 2 หมื่น อาชีวะเงินเดือน 1.8 หมื่น, เด็กจบใหม่เสนอยกเว้นภาษี 5 ปี, เสนอยกเว้นภาษีพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ 2 ปี, ลดภาษี 10% บุคคลธรรมดา ซึ่งผู้ชุมนุมยืนอยู่ที่หน้าแผงเหล็กที่เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กั้นไว้ ที่หน้าคณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร ยาวไปจนถึงฝั่งหน้าโรงเรียนราชวินิตมัธยม โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจในเครื่องแบบยืนดูแลความเรียบร้อยอยู่หลังแผงเหล็ก

จากนั้น เวลา 10.45 น. ตัวแทนผู้ชุมนุมหญิงได้ขึ้นกล่าวปราศรัยผ่านรถเครื่องขยายเสียงว่า เครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิมนุษยชน กลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย และแนวร่วมต่างๆ รวมถึงสหภาพแรงงานได้ทำการยื่นหนังสือกับรัฐบาลไปแล้ว และได้มีการมาทวงถามหลายรอบ รัฐบาลชุดนี้ไม่เคยให้คำตอบใดๆ และกล่าวอีกว่า ปกติเวลามาเรียกร้องหรือทวงถามจะไม่มีการปิดกั้นใดๆ แค่พวกตนต้องการที่จะมาทวงถามก็มีการปิดกั้น นี่คือสิ่งที่เลวร้ายที่สุด

Advertisement

“ปัญหาเหล่านี้ที่มันเกิดขึ้นเราจะเห็นเลยว่ารัฐบาลชุดนี้โกหกไปวันๆ ไม่เคยทำอะไรได้อย่างที่หาเสียงไว้จริงๆ วันนี้ไม่ได้มีแค่พี่น้องแรงงานหรือประชาชนทั่วไป แต่ผู้สูงวัยก็มีเยอะ เพราะเราก็เน้นว่าเงินผู้สูงอายุ 600 บาท มันควรปรับได้แล้ว ควรปรับเป็น 3,000 บาท แต่ปรากฏว่าที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่หรือว่ารัฐบาลไม่เคยให้คำตอบแต่อย่างใดว่าจะปรับอย่างไร ดังนั้น วันนี้เราก็จะมาทวงถามอีกเรื่อยๆ เราจะไม่หยุดแม้ว่าจะมีคนมากหรือน้อย เราก็จะมาทวงถามจนกว่ารัฐบาลจะมีคำตอบให้กับพวกเรา” ผู้ชุมนุมหญิงกล่าว

ต่อมา นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตย ขึ้นกล่าวปราศรัยต่อว่า สถานการณ์บ้านเมืองของเราในตอนนี้เกิดภาวะวิกฤตโดยเฉพาะอย่างยิ่งวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นตั้งแต่เรื่องโควิดและเรื่องเศรษฐกิจตกต่ำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการส่งออกที่ตกต่ำหรือการท่องเที่ยวตกต่ำ ทั้งหมดนี้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจชิ้นสำคัญของประเทศไทย แต่ในขณะนี้มีปัญหาการส่งออกที่ทำได้ลดลงและการท่องเที่ยวลดลงจากสถานการณ์โควิด เหลือปัจจัยเดียวที่จะสร้างเศรษฐกิจให้ฟื้นขึ้นมาได้คือตลาดภายในประเทศ หรือการบริโภคภายในประเทศ การจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศ ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้ แต่ในขณะนี้สินค้ามีราคาแพงซึ่งมีสาเหตุมาจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น น้ำมัน 1 ลิตร ที่ออกจากโรงกลั่นมีราคาเพียงแค่ลิตรละ 10-12 บาท แต่เมื่อมาถึงผู้บริโภคราคาพุ่งมาถึง 35 บาท แสดงว่ามีการเก็บภาษีมากมายในน้ำมัน 1 ลิตร

“วันนี้เราจึงอยากจะส่งเสียงเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้ปรับลดภาษีน้ำมันโดยเฉพาะน้ำมันสรรพสามิตลงอีกลิตรละ 6 บาท ซึ่งจะทำให้เราได้น้ำมันในราคาที่ถูกลง จะช่วยลดค่าสินค้าราคาแพงและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ให้ประชาชนเดือดร้อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้รถบรรทุก ภาคขนส่งของเราประสบกับปัญหาน้ำมันที่มีราคาแพงมาก วันนี้อยากให้รัฐบาลพิจารณาดีๆ ก่อนที่รัฐบาลจะมีอันเป็นไป ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะหมดสภาวะ ซึ่งตอนนี้ถือว่าหมดสภาพการเป็นนายกฯ เรียบร้อยแล้วหลังจากเหตุการณ์ลาออกของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และหลายๆ คนกำลังกระโดดออกจากพรรคพลังประชารัฐ และจะทำให้รัฐบาลชุดนี้ไร้เสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ผมขอฝากปัญหาว่าก่อนที่ประยุทธ์จะสิ้นสภาพไปในเร็ววันนี้ ก็หวังว่าจะทำอะไรที่มีประโยชน์ต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการลดราคาน้ำมันลง ซึ่งจะช่วยให้สินค้าราคาไม่แพงมากนัก” นายสมยศกล่าว

Advertisement

เวลา 11.45 น. ผู้กำกับ สน.นางเลิ้ง ได้ประกาศว่าการรวมตัวในวันนี้เป็นลักษณะที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 และซึ่งมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน โดยมีเสียงของแกนนำผู้ชุมนุมพูดตอบโต้ผ่านเครื่องขยายเสียงตลอดการประกาศ ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดแผงเหล็กที่กั้นผู้ชุมนุมไว้ และให้กลุ่มผู้ชุมนุมสามารถเข้าไปยื่นหนังสือ และรับฟังข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มเครือข่ายแรงงานได้มีการเสนอไว้เมื่อวันที่ 28 มกราคมที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่อนุญาตให้นำเครื่องขยายเสียงเข้าไปบริเวณหน้าทำเนียบรัฐบาลเนื่องจากตอนนี้มีการประชุมคณะรัฐมนตรี

เวลา 12.00 น. นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ทำหน้าที่เป็นตัวแทนรัฐบาลในการออกมาพูดคุยกับผู้ชุมนุมบริเวณแยกพาณิชยการ โดยกล่าวว่า นายกฯไม่ได้นิ่งนอนใจกับข้อเรียกร้องของพี่น้องประชาชนและได้มอบหมายให้รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาแก้ไข ในเรื่องของค่าแรงนั้นประกอบด้วย 3 ส่วน คือ ลูกจ้าง นายจ้าง และฝ่ายคณะกรรมการค่าจ้าง เราจะกำหนดเท่าไรก็ได้ แต่ต้องคำนึงถึงนายจ้างว่าสามารถรับได้หรือไม่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานไม่ได้นิ่งนอนใจ ตอนนี้อยู่ในระหว่างการประชุมหารือว่าควรจะขึ้นค่าจ้างจากเดิมเท่าไรและควรจะอยู่ที่เท่าไร

ในส่วนของเรื่องน้ำมันนั้นคณะกรรมการน้ำมัน กระทรวงพลังงานกำลังระดมความคิดเห็นเรียกผู้ที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วนรวมถึงผู้ประกอบการเข้ามาพิจารณาว่าจะสามารถตรึงราคาน้ำมันได้เท่าไร ขอให้อดใจรอ 1-2 วันเร็วๆ นี้ ซึ่งจะมีมติออกมา

ส่วนเรื่องสินค้าต่างๆ ที่มีการขึ้นราคาแพง คณะรัฐมนตรีในการประชุมทุกครั้งก็ได้นำเรื่องนี้เข้าประชุมทุกครั้งซึ่งกำลังหาแนวทางมอบให้กรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สินค้าราคาแพง รัฐบาลก็มีนโยบายคนละครึ่งออกมาให้แล้ว ข้อนี้ก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องในเรื่องข้าวของราคาแพงในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องที่จะควบคุมราคาสินค้าให้อยู่ในราคาที่เหมาะสมนั้นรัฐบาลกำลังเร่งพิจารณา

“หลักๆ 3 ข้อเรื่องปัญหาแรงงาน ปัญหาน้ำมันแพง และปัญหาสินค้าราคาแพง ท่านนายกฯและคณะรัฐมนตรีไม่ได้นิ่งนอนใจ เรื่องทุกเรื่องได้เข้าพิจารณาทุกเรื่อง ขอเรียนให้พี่น้องทราบว่ารัฐบาลทราบปัญหาและอยู่ระหว่างการแก้ไขปัญหา และปัญหาต่างๆ ก็ทยอยออกมาเป็นมาตรการให้พี่น้องประชาชนทราบทุกเรื่อง เรื่องภาษีมูลค่าเพิ่มนายกฯสั่งให้ทางกระทรวงการคลังและสรรพากรมาคุยกันว่าจะลดหรือจะเพิ่ม ไม่ได้เอาปัญหาไปเก็บอยู่นิ่ง หน่วยงานที่รับผิดชอบกำลังพิจารณาอยู่น่าจะได้คำตอบเร็วๆ นี้” นายสมพาศกล่าว

ต่อมาผู้ชุมนุมได้มีการทวงถามถึงข้อเรียกอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข คือเรื่องของการลดค่าเทอม ซึ่งตอนนี้มีการเรียนผ่านระบบออนไลน์ และเรื่องของการบรรจุครูอัตราจ้าง พนักงานสัญญาจ้าง ให้เป็นข้าราชการประจำ

นายสมพาศกล่าวว่าในเรื่องของการลดค่าเทอมอยู่ระหว่างการพิจารณาร่วมของโรงเรียนเอกชน ภาครัฐบาล และกระทรวงศึกษาธิการ ส่วนเรื่องครูอัตราจ้างเป็นเรื่องที่ต้องกำหนดตำแหน่ง ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูต้องดูก่อนว่างบประมาณที่จะจ้างครูอัตราจ้างเพิ่มขึ้นเท่าไร จะกำหนดตำแหน่งได้กี่ตำแหน่ง ทั้งหมดนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา

ในเวลา 12.15 น. น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือไหม แกนนำกลุ่มเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน กล่าวว่า ที่เครือข่ายแรงงานมายื่นวันนี้ ถ้านายกฯเห็นความสำคัญของหนังสือขอให้ออกมาแถลงว่าข้อเรียกร้องวันนี้ที่เครือข่ายแรงงานมายื่นนั้นสามารถทำได้ หรือทำไม่ได้เพราะอะไร ขอให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แถลงหลังจากมีการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันนี้ว่าจะทำได้หรือไม่ได้ เพราะพวกเราต้องการฟัง ถ้าวันนี้ท่านบอกว่าทุกเรื่องท่านรับหนังสือไป และไม่ได้นิ่งนอนใจ ขอให้แถลงข้อเรียกร้องทั้งหมดที่มายื่นในวันนี้ และเย็นนี้ขอให้มีการออกแถลง ถ้าไม่แถลงจะขอสาปแช่ง พล.อ.ประยุทธ์ให้มีอันเป็นไป ไม่ต้องอยู่ในรัฐสภานี้อีก เพราะเขาต้องการคนที่จะมาแก้ปัญหาให้กับประเทศชาติและประชาชน ขอให้ทุกท่านที่มารับหนังสือวันนี้ได้นำเรื่องนี้ส่งให้กับนายกฯ

หลังจากมีการยื่นหนังสือถึงตัวแทนรัฐบาลแล้ว กลุ่มผู้ชุมนุมได้ทำกิจกรรมเดินเหยียบลงไปที่ป้ายไวนิลหาเสียงของพรรคพลังประชารัฐ โดยมีตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมกล่าวว่า ช่วยกันไล่ไปเลยพรรคนี้ ให้ออกไปจากประเทศไทยสักที เพราะไม่ได้เรื่อง เป็นพรรคที่โกหกหลอกลวง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image