‘เพื่อไทย’ ลั่น พร้อมสู้เพื่อสนับสนุน LGBTQ ยัน #สมรสเท่าเทียม ต้องไปต่อ
เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ นายชานันท์ ยอดหงษ์ นักวิชาการและผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์และความหลากหลายทางเพศ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีกฎหมายสำคัญของประชาชน แต่สภาล่มอยู่หลายครั้ง โดยเฉพาะที่เกิดขึ้นในวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2565 ว่าการประชุมสภาวันนี้มีร่างกฎหมายสำคัญต่อปากท้อง สิทธิมนุษยชน และความเสมอภาคของประชาชนหลายฉบับที่นำเสนอโดยพรรคฝ่ายค้าน รวมทั้งมีร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ เพื่อให้เกิด #สมรสเท่าเทียม (marriage equality) ทว่ารัฐบาลกลับถ่วงรั้งกระบวนการแก้ไขกฎหมายด้วยการอ้างต่อสภาขอรับไปพิจารณาก่อนเป็นเวลา 60 วัน ผู้รับผิดชอบนโยบายด้านอัตลักษณ์ของพรรค พท.ยืนยันว่า สิทธิมนุษยชนเป็นหลักการพื้นฐานและสามัญสำนึก ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานานถึง 60 วัน เพื่อไปพิจารณาลงมติรับหลักการ และก่อนหน้านี้มีประชาชนจำนวนมากออกมาเคลื่อนไหวจัดกิจกรรมสมรสเท่าเทียม จัดเสวนาหลายครั้งว่ากฎหมายสมรสที่มีอยู่ละเมิดและพรากสิทธิ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ หากรัฐบาลใส่ใจให้ความสำคัญกับประชาชน ย่อมพร้อมแก้ไขปัญหากฎหมายนี้ทันที ไม่อุ้มร่างกฎหมาย พฤติการณ์นี้อาจกล่าวได้ว่าเป็นการเลี้ยงไข้ปัญหาละเมิดสิทธิมนุษยชน ถ่วงเวลา และถ่วงสิทธิความเสมอภาคปากท้องชีวิตของประชาชนต่อไป ในประเด็นข้อถกเถียงเรื่องกลไกที่ทำให้สภาล่มนั้น นายชานันท์ยืนยันว่าการที่รัฐบาลไร้ความสามารถคุมเสียงข้างมากในสภาจนทำให้รัฐบาลซึ่งต้องเป็นเสียงข้างมากกลับกลายเป็นเสียงข้างน้อยในสภา องค์ประชุมของฝ่ายรัฐบาลไม่เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกที่มีอยู่ คือ 237 เสียง ฝ่ายค้านที่เป็นเสียงข้างน้อยย่อมไม่ใช่ผู้มีหน้าที่ในการรักษาองค์ประชุม จึงเป็นที่มาของเหตุ ‘สภาล่ม’ ส่งผลกระทบต่อการผลักดันกฎหมายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับประชาชน รัฐบาลเล่นเกมถ่วงเวลาร่างกฎหมายจากฝ่ายค้านไปเรื่อยๆ โดยไม่สนใจว่าร่างกฎหมายที่เสนอโดยฝ่ายค้านนั้นจะมุ่งให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก ได้รับการยอมรับศักดิ์ศรีความเป็นคน โดยเฉพาะกฎหมายอย่างสมรสเท่าเทียม นำเสียงของประชาชน LGBTQ ที่เดือดร้อนจากการถูกรัฐกดทับ เลือกปฏิบัติ มาประกาศยังใจกลางพื้นที่รัฐก็ตาม
นายชานันท์กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตาม ขอสนับสนุนการทำงานของ ส.ส.ที่เป็นตัวแทนของประชาชนทุกกลุ่มอัตลักษณ์ โดยเฉพาะการที่ ส.ส.มาจากกลุ่มอัตลักษณ์ใดอัตลักษณ์หนึ่งเองนั้น ย่อมเข้าใจความรู้สึกและได้แบกรับปัญหาอันเจ็บปวดที่หลายคนมองข้ามของ LGBTQ และได้ออกมาเปิดเผยพร้อมกับหลั่งน้ำตา การร้องไห้ไม่ใช่ความอ่อนแอ หรือการใช้อารมณ์ไร้เหตุผล หรือเปราะบาง เพราะเพศสภาพตามมายาคติของสังคมอันที่จริง ส.ส.ไม่จำเป็นต้องตอบเพศตัวเอง ตัดความเป็นมนุษย์ อารมณ์ความรู้สึกออกราวไร้เพศสภาพไร้ตัวตนเมื่ออยู่กลางสภา หากแต่การธำรงอัตลักษณ์ทางเพศต่างหากที่สำคัญด้วยตัวของมันเอง เพื่อประกาศว่ารัฐสภาไม่ใช่พื้นที่เก็บซ่อนอารมณ์ หรือของอัตลักษณ์ใดอัตลักษณ์หนึ่ง เพราะ ส.ส.สามารถเป็นปากเป็นเสียงได้เท่ากับถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกของประชาชน จากนั้นค่อยปาดน้ำตา แล้วเดินหน้าต่อสู้ไปด้วยกัน
“เชื่อมั่นว่าพรรค พท.พร้อมที่จะต่อสู้เพื่อสิทธิ ความเสมอภาค สวัสดิการ และศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนทุกกลุ่มอัตลักษณ์ ตามหลักของสิทธิมนุษยชนและประชาธิปไตย พร้อมเคียงบ่าเคียงไหล่กับพี่น้อง LGBTQ ทุกคน พร้อมสนับสนุนร่างแก้ไขกฎหมายเพื่อสมรสเท่าเทียมที่ได้ร่วมกับภาคประชาชนจัดทำร่างฉบับภาคประชาชน และจะถูกนำเสนอโดยประชาชนในไม่ช้านี้” นายชานันท์กล่าว