ล่าทีมคาร์บอมบ์ ลุยค้น ‘4จุดเสี่ยง’ หัวหมาก-มีน-ปากน้ำ ตรวจ ‘ไมมูณา’ อีก

‘ศานิตย์’นำค้น’ไมมูณา การ์เด้นโฮม-อู่รถ’ แฉเคยซุกมือบึ้มราชประสงค์ ไม่พบสิ่งผิดปกติ ขณะที่’ผู้การโจ๊ก’ร่วมอรินทราชลุยพื้นที่’หัวหมาก-วังทองหลาง’

@ “บิ๊กตู่”ขอระวังข่าว”คาร์บอมบ์”

เมื่อเวลา 13.40 น. วันที่ 11 ตุลาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) แถลงผลประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการแจ้งเตือนผู้ไม่หวังดีเตรียมก่อเหตุ

คาร์บอมบ์ในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในวันที่ 25-30 ตุลาคม 3 จุดว่า เป็นเรื่องที่มีการเตือนเสมอมา ต้องระมัดระวังการเสนอหรือขยายข่าว สื่อนำเสนอถือเป็นเรื่องปกติที่ให้สังคมได้รับรู้ แต่ขอให้เสนออย่างพอสมควร เพราะถ้าข่าวเช่นนี้ออกไปจะเกิดความตื่นตระหนกได้ โดยเฉพาะผลกระทบกับต่างประเทศ จึงขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ทำงานก่อน และเชื่อมั่นในตัวเจ้าหน้าที่

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่าการแจ้งเตือนต่อเนื่องมาจากเหตุวันที่ 10-12 สิงหาคมที่ผ่านมาหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่รู้ ไม่ทราบ เป็นเรื่องการทำงานด้านการข่าว โดยใช้วิธีการสืบสวนดำเนินการอยู่ รอผลการตรวจสอบก่อน เมื่อถามว่า มันเชื่อมโยงช่วงใกล้วันสถาปนากลุ่มบีอาร์เอ็นหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะไปให้ความสำคัญทำไม ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะขยายความให้กลุ่มที่ใช้ความรุนแรง วันนี้ทั้งโลกมีปัญหาหมด ซึ่งถ้าตนเองพูดแรงเกินไป ก็จะเป็นประเด็นที่กลุ่มไม่หวังดีจะใช้ความรุนแรงตอบโต้กลับมา ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

@ สมช.ระบุเตือนป่วน-ไม่ประมาท

ทั้งนี้ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม ครม.กรณีการแจ้งเตือนก่อเหตุระเบิดว่า เป็นการรายงานข่าวแจ้งเตือน เราต้องไม่ประมาท สิ่งที่อยากให้ทุกคนช่วยกันก็คือ ช่วยกันรายงานเมื่อพบเห็นสิ่งที่ผิดปกติ หรือพบเห็นยานพาหนะที่อาจจะถูกนำมาใช้ระเบิด รวมถึงบุคคลที่มีพฤติกรรมผิดปกติ ขอให้ช่วยกันแจ้งกับเจ้าหน้าที่ในทันที อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้ประชาคมข่าวกรองทั้งหมดเร่งติดตาม และแจ้งเตือนสิ่งผิดปกติเพื่อไม่ให้เกิดเหตุ ทั้งนี้ การข่าวยังไม่ระบุสถานที่ที่จะใช้ในการก่อเหตุ

เมื่อถามว่า นอกจากการแจ้งเตือนจากสถานทูตออสเตรเลียแล้วยังมีการแจ้งเตือนจากหน่วยอื่นๆ หรือไม่ พล.อ.ทวีปกล่าวว่า เป็นเรื่องปกติของการประชุมแลกเปลี่ยนข่าวกรอง ซึ่งข่าวที่เราได้รับนี้เป็นข่าวจากหน่วยข่าวของเราที่ได้ติดตาม เพ่งเล็ง และดูความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด

@ ไม่ชัดเป็นกลุ่มใดเตรียมก่อเหตุ

เมื่อถามว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ระเบิดที่ อ.หัวหินหรือไม่ พล.อ.ทวีปกล่าวว่า อันนี้คือสิ่งที่ติดตามมาตลอด แต่การจะบอกว่าต่อเนื่องนั้นยังไม่ชี้ประเด็น แต่เมื่อได้รับข่าวสารก็นำมาวิเคราะห์และทำให้แน่ชัด ส่วนการเชื่อมโยงต่อเนื่องเป็นอีกประเด็นที่ต้องไปดูรายละเอียดต่อไป

เมื่อถามว่าเหตุใดจึงพุ่งเป้ามาที่ กทม.และปริมณฑล พล.อ.ทวีปกล่าวว่า ถ้าคิดประเมินคือ เขาคงอยากทำให้จุดไหนที่เป็นจุดที่มีผลกระทบมากที่สุดนั่นเอง ขณะนี้ต้องพยายามหาข้อมูลเพิ่มเติม เพื่อมาวิเคราะห์ว่าเป็นการปฏิบัติของกลุ่มไหน อย่างไร ทั้งนี้ติดตามทุกกลุ่ม อย่างไรก็ตาม หน่วยงานความมั่นคงเตรียมการอย่างเต็มที่ หรือเต็มขีดความสามารถ

@ “ศานิตย์”นำค้น”ไมมูณา-อู่รถ”

เวลา 07.30 น. พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. พล.ต.ต.ภานุรัตน์ หลักบุญ รรท.รอง ผบช.น. พ.ต.อ.สมนึก น้อยคง รรท.ผบก.น.3 พ.ต.อ.กัญชล อินทราราม รอง ผบก.น.3 พ.ต.อ.ถนัด นักธรรม ผกก.สน.มีนบุรี พร้อมกำลังทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรืออีโอดี และเจ้าหน้าที่เทศกิจกว่า 30 นายร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นอาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ซอยราษฎร์อุทิศ 25/8 และอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อซอยราษฎร์อุทิศ 25 แขวงแสนแสบ เขตมีนบุรี กทม. เนื่องจากเป็นสถานที่พักเป้าหมายและเฝ้าระวังที่อาจมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาพักอาศัยเพื่อตระเตรียมการที่จะก่อเหตุ โดยใช้เวลาตรวจค้นกว่า 1 ชั่วโมง

@ วอนปชช.แจ้งเบาะแสต้องสงสัย

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวว่า เรื่องความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อยเป็นหน้าที่ตำรวจอยู่แล้ว เพื่อป้องกันและเฝ้าระวัง รวมถึงการขอความร่วมมือจากภาคประชาชนแจ้งข้อมูลหรือเบาะแสที่เป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ วันนี้ได้สนธิกำลังกับทหารโดยทั้งหมดเป็นเรื่องของมาตรการในการป้องกันโดยการตั้งสมมุติฐานเผื่อไว้ว่าอาจจะมีเหตุต่างๆ เกิดขึ้น เพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายเฝ้าระวังเหตุร้ายต่างๆ เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามอยากให้พี่น้องประชาชนสบายใจเพราะตำรวจนครบาลมีความเข้มงวดตรวจสอบอยู่แล้ว สำหรับผลการตรวจสอบห้องพักทั้ง 33 ห้องของอาคารไมมูณา การ์เด้นโฮม ซึ่งเคยเป็นจุดที่คนร้ายคดีระเบิดราชประสงค์มาพักอาศัยและบริเวณอู่ซ่อมรถไม่มีชื่อซอยราษฎร์อุทิศ 25 ซึ่งเป็นจุดที่เคยเกิดเหตุระเบิดเมื่อปี 2557 จนมีผู้เสียชีวิต 2 ศพ นั้นตรวจสอบทั้งสองจุดไม่พบสิ่งผิดปกติ แต่ได้พูดคุยกับพี่น้องประชาชนซึ่งเป็นคนในพื้นที่เป็นข้อมูลบ้าง ในส่วนที่มีข่าวว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑลในช่วงปลายเดือนนั้น เป็นเพียงการตั้งสมมุติฐาน ให้เจ้าหน้าที่มีความเข้มในการป้องกันเหตุตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ สถานทูต จุดเสี่ยงจุดล่อแหลม จึงอยากให้พี่น้องประชาชนมีส่วนช่วยสังเกตตรวจตราบุคคลแปลกหน้า รถยนต์ต้องสงสัย วัตถุต้องสงสัยต่างๆ รวมไปถึงสถานประกอบการต่างๆ ที่จำหน่ายสารตั้งต้นที่จะนำไปประกอบวัตถุระเบิด หากพบสิ่งผิดปกติให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่

@ ยัน88โรงพักเข้มรายงานทุกวัน

“ถ้าเราร่วมมือกันเข็มตกซักเล่มก็คงจะได้ยิน ขอให้นึกถึงผลประโยชน์ของชาติ ประโยชน์ส่วนรวมเป็นหลัก ผลประโยชน์ส่วนตัวเอาไว้ข้างหลัง เชื่อว่าหากได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายปัญหาทั้งหมดจะได้รับการแก้ไขอย่างแน่นอน” พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าว

ต่อมา พล.ต.ท.ศานิตย์ให้สัมภาษณ์ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ว่าทางตำรวจทั้ง 88 สน.มีการตรวจค้นแหล่งพักพิง หอพัก อพาร์ตเมนต์และร้านขายวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ โดยรายงานผ่านแอพพลิเคชั่นมาทุกวันให้ทราบ พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์กับพี่น้องประชาชนโดยใช้เครือข่ายโฮมการ์ดเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อช่วยอีกด้านหนึ่งของตำรวจในการแจ้งเบาะแสรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และวัตถุต้องสงสัย

พล.ต.ท.ศานิตย์กล่าวอีกว่า จากการตรวจค้นเอกซเรย์พื้นที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พื้นที่ สน.หัวหมาก ตรวจยึดใบกระท่อม สน.วังทองหลาง ระหว่างตรวจสอบ สน.มีนบุรี และ สน.หนองจอก ไม่พบการกระทำความผิดนอกเหนือจากที่พูดถึงมีการตรวจค้นอู่ซ่อมรถยนต์เพื่อหาความผิดปกติของรถที่เข้ามาดัดแปลงสภาพซึ่งทางตำรวจนครบาลต้องทำทุกมิติ และขบวนการในการตรวจสอบบุคคล

รายงานข่าวแจ้งว่า การข่าวมุ่งเน้นรถยนต์ที่ผู้โดยสารเป็นมุสลิม อาจอำพรางโดยมีเด็ก ผู้หญิงนั่งไปด้วย

@ แจ้งรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม30คัน

รายงานข่าวแจ้งว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือ ศปก.จร.ตร. เปิดเผยว่า ข้อมูลรถยนต์ที่ถูกโจรกรรมในพื้นที่ภาคใต้ ที่อาจถูกนำไปใช้ก่อเหตุความไม่สงบหรือคาร์บอมบ์ในพื้นที่ต่างๆ ส่วนใหญ่พบว่าเป็นรถปิกอัพและรถยนต์นั่งส่วนบุคคลที่หายไปจากพื้นที่ ตั้งแต่ปี 2555-2559 รวมทั้งหมด 30 คัน ประกอบด้วย ในพื้นที่ จ.นราธิวาส 10 คัน จ.ปัตตานี 12 คัน และ จ.สงขลา 8 คัน

นอกจากนี้ ยังมีการแจ้งเตือนรถยนต์เฝ้าระวังพิเศษในพื้นที่ สภ.เมืองยะลา 2 คัน คือ รถกระบะยี่ห้อมิตซูบิซิ ไทรทัน สีดำ ทะเบียน บต3597 ยะลา และรถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า สีดำ ทะเบียน วฐ 1563 กรุงเทพมหานคร จากการสืบสวนทราบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถที่ใช้ขนส่งคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้เมื่อวันที่ 10-12 สิงหาคม คาดว่าคนร้ายจะนำรถยนต์ไปประกอบเป็นรถยนต์คาร์บอมบ์เพื่อก่อเหตุใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

@ ค้น”ร่มเกล้าแมนชั่น”จับ8ผู้ต้องหา

เวลา 07.00 น. พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รรท.ผบก.สปพ. พล.ต.ต.นันทชาติ ศุภมงคล ผบก.น.4 พ.ต.อ.ธรรมนูญ บุญเรือง ผกก.สน.วังทองหลาง พ.ต.อ.ศรายุทธ จุณณวัตต์ ผกก.สน.หัวหมาก พร้อมกำลัง 191 ร่วมกับกองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย (หน่วยอรินทราช 26) ฝ่ายสืบสวน บก.น.4 ตำรวจ สน.หัวหมาก และทหารกว่า 100 นาย สนธิกำลังบุกตรวจค้นตามหมายค้นและหมายจับในพื้นที่หัวหมากและวังทองหลางหลายจุด โดยค้นอาคารร่มเกล้าแมนชั่น ภายในซอยรามคำแหง 65/1 (ซอยมหาดไทย) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กทม. สูง 8 ชั้น บริเวณชั้น 8 เจ้าหน้าที่บุกตรวจค้นห้อง 801, 803, 805, 813, 814 ควบคุมผู้ต้องสงสัย 8 คน ก่อนจะนำตัวไปที่ สน.หัวหมาก

พล.ต.ต.สุรเชษฐ์กล่าวว่า การเข้าค้นในพื้นที่หัวหมากนั้นเป็นการขยายผลมาจากตำรวจจับผู้ต้องหาพร้อมของกลางเป็นปืน 400 กระบอก ในพื้นที่ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ ก่อนขยายผลหาผู้ที่ซื้อปืนจากผู้ต้องหาราย

ดังกล่าว โดยการตรวจค้นครั้งนี้เป็นการป้องปรามอาชญากรรมและกวาดล้างทั้งอาชญากรรมทั่วไป และอาชญากรรมข้ามชาติ อย่างไรก็ตาม ไม่ได้เข้าตรวจค้นจุดหรือกลุ่มบุคคลใดเป็นพิเศษ แต่ดำเนินการไปตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.นันทชาติกล่าวว่า วันนี้ได้แบ่งกำลังออกเป็น 2 ฝ่าย เพื่อเข้าตรวจที่ร่มเกล้าแมนชั่น ในพื้นที่หัวหมากและเอส.เค.อพาร์ทเม้นท์พื้นที่วังทองหลาง จับกุมผู้ต้องหาได้จำนวนหลายคน ส่วนใหญ่เป็นความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดประเภทที่ 5 (กระท่อม) จากการตรวจค้นไม่พบความผิดที่เกี่ยวกับเครื่องกระสุนอาวุธปืน หรือผู้ต้องหาที่เกี่ยวกับความมั่นคงของประเทศ

@ บุกค้น-คุมช่างซ่อมโทรศัพท์สอบ

เวลา 08.00 น. เจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองทหารและเจ้าหน้าที่ศูนย์รักษาความปลอดภัยทางทหาร ตำรวจจากกองบัญชาการสืบสวนตำรวจภูธรภาค 1 และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ พร้อมด้วยทหารจาก ร.21พัน.2รอ. กว่า 50 นายสนธิกำลังเข้าตรวจค้นภายในอพาร์ตเมนต์แห่งหนึ่งในซอยอักษรลักษณ์ ต.ปากน้ำ อ.เมืองสมุทรปราการ หลังมีคำสั่งจาก พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รอง ผบ.ตร. ให้เฝ้าระวังการก่อวินาศกรรมและลอบวางระเบิดสถานที่เชิงสัญลักษณ์
จากการตรวจค้นห้องพักห้องที่ 34 ควบคุมตัวนายปรีชา สะมะลี อายุ 39 ปี อาชีพช่างซ่อมโทรศัพท์อยู่บนห้างบิ๊กซีสาขาสมุทรปราการ นอกจากนี้ ภายในห้องยังพบกล่องส่งพัสดุไปรษณีย์จำนวนมากและอุปกรณ์โทรศัพท์ที่มีการดัดแปลงเข้าข่ายต้องสงสัย แต่จะเป็นอุปกรณ์ที่ใช้จุดระเบิดหรือไม่อยู่ระหว่างรอเจ้าหน้าที่อีโอดีเข้าตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดอีกครั้ง เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้นำของกลางทั้งหมดไปตรวจสอบ พร้อมกับควบคุมตัวนายปรีชาไปสอบสวนขยายผลต่อที่ สภ.เมืองสมุทรปราการ ว่าเป็นเครือข่ายที่เชื่อมโยงการวางระเบิดที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่ หากพบว่าเชื่อมโยงก็จะขยายผลถึงผู้เกี่ยวข้องต่อไป

@ ตั้งรางวัล1แสนจับเก๋งฮอนด้า

ที่ จ.สงขลา หน่วยกำลังด้านความมั่นคง ใน อ.หาดใหญ่ เพิ่มมาตรการเข้มงวดในการเฝ้าระวังป้องกันพื้นที่ โดยมีวันสำคัญเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบหลายวัน อาทิ วันที่ 10 ตุลาคม เป็นวันสถาปนากองกำลังติดอาวุธบีอาร์เอ็นวันที่ 12 ตุลาคม เป็นวันสถาปนาธรรมนูญพูโลใหม่ และวันที่ 25 ตุลาคม เป็นวันครบรอบ 12 ปีเหตุการณ์ตากใบ ล่าสุด พล.ต.ท.สาคร ทองมุนี รักษาการผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 สั่งการให้ทุกพื้นที่ร่วมกันเพิ่มมาตรการเข้มข้น เน้นตรวจสกัดรถยนต์เก๋งฮอนด้า แอคคอร์ด สีดำหรือเขียว 1 คัน และรุ่นซีวิคอีก 1 คัน เป็นรถต้องสงสัยที่ประกอบระเบิดและอาจจะลอบเข้ามาก่อเหตุในพื้นที่ หากเจ้าหน้าที่ชุดใดสกัดจับกุมได้สามารถรับเงินรางวัล 100,000 บาท

@ ทอท.รับลูกเพิ่มรปภ.ระดับ3

นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. กล่าวว่า ตามที่ พล.ต.อ. จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่เฝ้าระวังการก่อวินาศกรรมและการลอบวางระเบิดสถานที่เชิงสัญลักษณ์และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญนั้น ในส่วนของ ทอท.ซึ่งบริหารท่าอากาศยาน 6 แห่งของประเทศไทย ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานภูเก็ต ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ได้เพิ่มความเข้มงวดมาตรการรักษาความปลอดภัย ซึ่งปัจจุบันใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยระดับ 3

นายนิตินัยกล่าวว่า ทอท.ได้กำชับให้เจ้าหน้าที่เข้มงวดการปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัย เฝ้าติดตามด้านการข่าว และประเมินสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนเพิ่มวงรอบของทุกส่วนงานรักษาความปลอดภัย อีกทั้งประสานงานด้านการข่าวกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ ตำรวจสันติบาล และตำรวจท้องที่อย่างใกล้ชิด และขอความร่วมมือผู้โดยสาร ผู้ใช้บริการท่าอากาศยานปฏิบัติตามมาตรการรักษาความปลอดภัยของท่าอากาศยาน เพื่อให้การบริการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ และหากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ สิ่งของต้องสงสัยหรือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงาน และหากมีข้อสงสัยใดๆ สามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่หมายเลข 1722″ นายนิตินัยกล่าว

@ รฟม.เพิ่มรปภ.สูงสุด-จัดสุนัขตรวจ

นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) กล่าวว่า รฟม.ได้สั่งการให้บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีอีเอ็ม ผู้ให้บริการเดินรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที สายเฉลิมรัชมงคล สายฉลองรัชธรรม และหน่วยงานด้านความปลอดภัยของ รฟม. ดำเนินการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยขั้นสูงสุด คือจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสัมภาระผู้โดยสาร ตรวจบริเวณโดยรอบสถานีรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที และภายในสถานีรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย เพื่อป้องกันเหตุโดยร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่

นอกจากนี้ยังจัดรถยนต์สายตรวจตรวจรอบบริเวณศูนย์ซ่อมบำรุงคลองบางไผ่และศูนย์ซ่อมบำรุงห้วยขวางทุก 1 ชั่วโมง จัดกำลังหน่วยทำลายวัตถุระเบิด (อีโอดี) และสุนัข K-9 ตรวจตราและเตรียมความพร้อมตลอด 24 ชั่วโมง เตรียมกำลังหน่วยกู้ภัยพร้อมอุปกรณ์ในที่ตั้งตลอด 24 ชั่วโมง ประสานงานเพื่อตรวจสอบข่าวกับหน่วยความมั่นคงและตำรวจสันติบาลตลอดเวลา และเพิ่มการตรวจใต้ท้องรถยนต์และที่เก็บของท้ายรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการในอาคารและลานจอดรถของ รฟม.ทุกแห่ง

“รฟม.ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าเอ็มอาร์ทีให้ความร่วมมือในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ และหากพบเห็นเหตุการณ์ผิดปกติ สิ่งของต้องสงสัยหรือบุคคลที่มีพฤติกรรมน่าสงสัย ขอให้แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหรือเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานอยู่ในบริเวณนั้นทันที หรือแจ้งทางหมายเลขโทรศัพท์ 0-2938-3666” นายพีระยุทธกล่าว

@ กทม.ใช้แผนเดิมรับมือเตือนบอมบ์

นายภัทรุตม์ ทรรทรานนท์ รองปลัดกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สัมภาษณ์เตรียมความพร้อมจากกระแสข่าวว่าอาจมีการก่อวินาศกรรม 3 จุดในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลว่า ขณะนี้ กทม.ได้แจ้งหน่วยงานภายในกำกับให้ทราบแล้ว พร้อมกับกำชับให้หน่วยงานเฝ้าระวังพื้นที่จุดเสี่ยงเป็นพิเศษ โดยจัดเตรียมคนเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์และตรวจดูสถานการณ์ในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะสถานที่อาคารสำคัญ อาทิ สถานที่ราชการ ห้างสรรพสินค้า ฯลฯ หรือแม้กระทั่งพื้นที่ที่มีแสงสว่างน้อย หรือรถต้องสงสัย ทั้งนี้ ยังเพิ่มเจ้าหน้าที่เฝ้าตรวจสอบกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้งาน และประชาสัมพันธ์ในการแจ้งข่าวสารสู่ประชาชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เช่น การทำความเข้าใจระหว่างผู้ประกอบการ ห้างร้านต่างๆ เป็นต้น

“อย่างไรก็ตาม กทม.ได้มีแผนในการรับสถานการณ์เช่นนี้อยู่แล้ว แต่อยากให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ช่วยตรวจตราสิ่งของผิดปกติ หรือแจ้งข้อมูลสิ่งของต้องสงสัยแก่เจ้าหน้าที่ในทันทีทันใด เพื่อจะได้เตรียมรับสถานการณ์ได้อย่างทันท่วงที” นายภัทรุตม์กล่าว

@ ร.ฟ.ท.ย้ำตรวจเข้มทุกสถานี

นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ กรรมการและรักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด ผู้ให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ เปิดเผยว่า บริษัทได้สั่งการให้เน้นย้ำความเข้มงวดด้านมาตรการรักษาความปลอดภัยสูงสุดในการให้บริการแก่ผู้โดยสารในระบบรถไฟฟ้า ประกอบด้วย การเพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบสัมภาระผู้โดยสารบริเวณสถานีรถไฟฟ้าทุกสถานี เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบบุคคลและวัตถุต้องสงสัยที่เข้าสู่ระบบรถไฟฟ้า เตรียมกำลังพลชุดสุนัขตรวจวัตถุระเบิด (K9) เพิ่มการตรวจใต้ท้องรถยนต์และท้ายรถยนต์ที่จะเข้ามาในลานจอดรถสถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน และหากผู้ใดพบเห็นสิ่งผิดปกติ สิ่งของ หรือบุคคลต้องสงสัยหรือไม่น่าไว้วางใจให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ประจำสถานีโดยทันที หรือทางหมายเลข 1690

@ บิ๊กเครือเซ็นทารามั่นใจผ่านด้วยดี

นายธีระยุทธ จิราธิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มโรงแรมและรีสอร์ตเครือเซ็นทารา กล่าวว่า การเตือนจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ว่าอาจเสี่ยงเกิดเหตุการณ์ระเบิดในพื้นที่ย่านสำคัญของกรุงเทพฯเป็นเรื่องที่ดี เพราะทำให้ทุกฝ่ายจัดแนวทางป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ไม่คาดคิดที่อาจเกิดขึ้น ทางกลุ่มโรงแรมโดยเฉพาะโรงแรมเซ็นทาราแกรนด์แอทเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมีพื้นที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองจะใช้มาตรการต่างๆ ตามที่เคยดำเนินการจากประสบการณ์ที่ผ่านมารับมือกับความเสี่ยงเหล่านี้ ทั้งการร่วมมือกับห้างสรรพสินค้าในพื้นที่เดียวกัน เพิ่มจุดตรวจประชาชน เพิ่มจุดตรวจรถยนต์ที่เข้ามาใช้บริการตามห้างฯและโรงแรม ซึ่งมั่นใจว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี

@ ถนนข้าวสารคนไทยหาย30%

นายสง่า เรืองวัฒนกุล ที่ปรึกษานายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร กล่าวว่า หลังมีรายงานข่าวเรื่องการแจ้งเตือนเหตุที่อาจเกิดระเบิดนั้นคงต้องขอเวลา 3-4 วันจึงสามารถประเมินถึงผลกระทบได้ ปกติแล้วสัดส่วนนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวถนนข้าวสารจะเป็นต่างชาติ 50% และตลาดคนไทย 50% ปัจจุบันสำหรับตลาดคนไทย ยอมรับว่าจะได้รับผลกระทบทันที โดยมียอดการเที่ยวลดลง 20-30% เพราะตลาดคนไทยเองอ่อนไหวในเรื่องนี้ทุกครั้งที่เตือน ไม่ต่างกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ขณะนี้ทางผู้ประกอบการถนนข้าวสารประสานตำรวจ ทหาร ตั้งจุดตรวจ 3 จุดบริเวณโดยรอบย่านถนนข้าวสาร

นางสาวศุภวรรรณ ถนอมเกียรติภูมิ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า เตรียมออกหนังสือแจ้งเตือนไปยังสมาชิกสมาคมให้เตรียมรับมือและหามาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับโรงแรมของตนเอง โดยเฉพาะการตรวจนักท่องเที่ยวที่ใช้บริการและพื้นที่รอบโรงแรม อย่างไรก็ตาม ช่วงเดือนตุลาคมนี้อัตราการเข้าพักลดลงไป 30% เมื่อเทียบกับช่วงเดือนเดียวกันของปีก่อน หลังจากได้รับผลกระทบจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ

@ เพิ่มกำลังตร.แหล่งเที่ยวสำคัญ

นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า รู้สึกแปลกใจที่ครั้งนี้มีการเตือนภัยก่อการร้ายล่วงหน้า ในแง่ดีก็คือทุกฝ่ายจะได้ร่วมกันสอดส่องระมัดระวัง โดยสายการบินตอบรับด้วยการเพิ่มความระมัดระวังในการตรวจตราความปลอดภัยให้กับผู้โดยสารที่สนามบินด้วย แต่ยังไม่อยากนำเหตุการณ์ครั้งนี้ยกขึ้นมาเป็นตัวแปรที่อาจกระทบต่อช่วงไฮซีซั่นปีนี้ซึ่งมีแนวโน้มเติบโต 15% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หลังจากนี้เป็นช่วงเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยว (ไฮซีซั่น) และเทศกาลรื่นเริงช่วงปลายปี โดยเฉพาะเทศกาลลอยกระทง ซึ่งกระทรวงต้องจับตาเฝ้าระวังเป็นพิเศษ พร้อมกับกำชับให้ตำรวจท่องเที่ยวเพิ่มกำลังในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ อาทิ เชียงใหม่ ภูเก็ต และกรุงเทพฯให้มากขึ้น ส่วนเหตุการณ์ตอนนี้ก็เฝ้าระวังในเรื่องการก่อการร้ายและเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด และยังผลักดันการทำประกันภัยนักท่องเที่ยวให้ประกาศใช้ได้ แต่ก็คิดว่าคงจะไม่ทันในช่วงไฮซีซั่นของปีนี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image