‘อนุทิน’ แจง สธ.ไม่เคยฉีดวัคซีนตามอำเภอใจ ยึดตามมาตรฐานสากล ยัน รบ.-สธ.ยุคนี้ไม่ด้อยค่าระบบสาธารณสุข ลั่น ปชช.ไม่มีทางล้มละลาย หากรักษาสุขภาพของตัวเอง
เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 วันที่สอง
เวลา 15.35 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ชี้แจงว่า การดำเนินงานของกระทรวงสาธารณสุขนับจากนี้ไปภายใต้การดูแลของตนนั้นจะให้ความสำคัญที่สุดในการดูแลบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข เนื่องจากช่วยควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 มาตลอดหลายปี เป็นบุคคลที่ทรงคุณค่า ดังนั้น รัฐบาลชุดนี้จึงมีนโยบายให้กระทรวงบำรุงขวัญกำลังใจ สร้างความมั่นคงของระบบสาธารณสุข โดยเปิดตำแหน่งที่สามารถบรรจุเป็นข้าราชการ ส่วนผู้ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุนั้น จะพยายามให้หน่วยงานต้นสังกัดดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางระบบสาธารณสุข ได้รับการจัดอันดับว่ามีระบบสาธารณสุขที่เข้มแข็งเป็นอันดับ 5 ของโลก อีกทั้งยังได้อันดับ 1 การตรวจจับโรคและการรายงานที่รวดเร็ว เพราะฉะนั้นไม่มีการรายเท็จ หรือรายงานตัวเลขเอาใจประชาชนโดยปราศจากข้อเท็จจริง
นายอนุทินกล่าวว่า ส่วนความพร้อมของวัคซีน ขณะนี้ฉีดเกิน 120 ล้านโดส ครอบคลุมประชาชนกลุ่มเสี่ยง ด่านหน้า เรียกว่าวัคซีนเต็มแขนจริงๆ และยังมีความพร้อมที่จะฉีดวัคซีนไปจนกว่าโควิดจะหมดไป หรือกลายเป็นโรคปกติ เราจะฉีดวัคซีนจนกว่าประชาชนจะปลอดภัย วัคซีนโควิดไม่ได้ป้องกันโรค 100% แต่ช่วยลดความเสี่ยงจากการป่วยรุนแรงและลดอัตราการเสียชีวิต
นายอนุทินกล่าวต่อว่า ขณะที่วัคซีนที่จะฉีดให้เด็กนั้น ยืนยันว่ากระทรวงไม่เคยฉีดวัคซีนตามอำเภอใจตัวเอง เราทำทุกอย่างตามมาตรฐานสากลทางการแพทย์ อย่างไรก็ตาม รัฐบาลชุดนี้และกระทรวงยุคนี้ไม่มีทางด้อยค่าระบบสาธารณสุขที่เป็นประโยชน์กับประชาชน สิ่งที่ดีเราจะต่อยอดให้มีประโยชน์เพิ่มมากขึ้น ทำให้สุขภาวะของประชาชนมีมาตรฐานสูงขึ้น ทำให้ประชาชนไม่ล้มละลายจากการรักษาสุขภาพของตัวเอง
“วันนี้มะเร็งรักษาทุกที่ บัตรทองรักษาทุก รพ. ทุกคนรักษาฟรี เป็นวีไอพีของทุกแห่ง ฟอกไตฟรี ถ้าประชาชนเข้าถึงระบบการรักษาพยาบาลได้มาก็จะหายป่วย มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สร้างรายได้จุนเจือตัวเอง ไม่เป็นภาระคนในครอบครัว” นายอนุทินกล่าว
นายอนุทินกล่าวว่า กระทรวงมุ่งมั่นให้คนไทยได้รับบริการสาธารณสุขที่เป็นเลิศไม่แพ้ชาติใด ทั้งในภาวะวิกฤต หรือภาวะปกติ โดยช่วงที่เกิดภาวะวิกฤตเราสามารถจัดตั้งโรงพยาบาลสนามได้อย่างรวดเร็ว ส่วนวัคซีนซิโนแวคหลังจากได้รับข้อมูลเอกสารการวิจัยต่างๆ และได้ประชุมร่วมกับผู้ทรงคุณวุฒิ เราเห็นว่าควรให้ใช้สำหรับเด็กอายุ 6 ขวบก่อน นี่คือตัวอย่างที่อยากให้มั่นใจว่าระบบสาธารณสุขไทยเข้มแข็งเกินกว่าที่จะใครจะขอยกเว้น คือบทพิสูจน์ว่าเราใช้มาตรฐานในการพิจารณา