ชทพ.เผยโหวต กม.ลูก 2 ฉบับ รับทุกร่างที่มีแนวทางเดียวกัน คาดพิจารณาเสร็จไม่เกิน 2 เดือน

ชทพ.เผยโหวต กม.ลูก 2 ฉบับ รับทุกร่างที่มีแนวทางเดียวกัน คาดพิจารณาเสร็จไม่เกิน 2 เดือน

ชทพ.เผยโหวต กม.ลูก 2 ฉบับ รับทุกร่างที่มีแนวทางเดียวกัน คาดพิจารณาเสร็จไม่เกิน 2 เดือน

เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ถึงจุดยืนในการพิจารณาร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ของพรรคชาติไทยพัฒนาว่า พรรคสนับสนุนร่างของพรรคร่วมรัฐบาล เพราะ ส.ส.ของพรรคที่ไม่ได้เป็นรัฐมนตรีลงนามในร่างของพรรคร่วมรัฐบาลไปเรียบร้อยแล้วทุกคน ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ตรงกับร่างของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ยื่นโดยคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ซึ่งตอนหลังร่างของ กกต.ได้มีการปรับปรุงแล้วเป็นบัตร 2 ใบ แต่คนละเบอร์ โดยในเขตเลือกตั้งก็จะจับฉลากเบอร์ใครเบอร์มัน ซึ่งตอนเลือกตั้งประชาชนจะต้องจำเบอร์ของ ส.ส.ในเขต แม้จะไม่เหมือนแบบที่เราอยากได้แต่เป็นข้อบังคับตามรัฐธรรมนูญ

นายนิกรกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม มีข้อดีคือในเขตเบอร์จะไม่ถูกเว้นว่างเรียงตามลำดับ ส.ส.สมัคร 5 คน ก็ 5 เบอร์ ถ้าเบอร์เดียวจะกลายเป็นเบอร์ 1, 3, 21 อย่างนี้จะโบ๋ และกายาก ในทางการเมืองเห็นว่าจะทำให้พรรคการเมืองต้องแบ่งหาเสียงเป็น 2 ส่วน 1.พรรคการเมืองมีนโยบายอะไรก็สู้กัน 2.ส.ส.ในเขตเลือกตั้งใครอยู่ใกล้ชิดประชาชน ก็ได้เปรียบไป ซึ่งจะแยกกันเดิน ถือเป็นการพัฒนาทางการเมืองอีกอย่างหนึ่ง และพรรค ชทพ.ในฐานะที่ไม่ได้เป็นพรรคขนาดใหญ่ ถ้าเป็นเช่นนี้จะไม่เสียเปรียบนัก ไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นพรรคขนาดใหญ่ได้เปรียบพรรคเล็กมาก

นายนิกรกล่าวว่า ส่วนเรื่องการนับคะแนนร่างของ ครม.และพรรคร่วมรัฐบาลตรงกัน คือคะแนนโดยการหารหาค่าเฉลี่ย และหากต่ำกว่าค่ากลางให้เรียงแล้วตัดจนกระทั่งเศษหมดไป ส่วนกฎหมายพรรคการเมืองมีปัญหาคือร่างของ ครม.แก้ไปเพียงนิดเดียว เพราะเขาไม่สามารถจะแก้ไข เพื่อแก้ปัญหาของพรรคการเมือง จึงยึดเอาร่างของพรรคร่วมรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งร่างของพรรคร่วมรัฐบาลได้แก้ไขไปหลายอย่าง เช่น ตัวแทนประจำจังหวัด ถอดการลงไพรมารี ซึ่งถือว่าแก้ไขครอบคลุมมากกว่า

“ในวาระแรกขั้นรับหลักการที่จะมีขึ้นวันที่ 24 -25 ก.พ.นี้ ไม่ว่าจะเป็นร่างของ ครม.หรือพรรคอื่นๆ ที่มีหลักการเดียวกัน พรรคชาติไทยพัฒนาจะรับหลักการ แล้วค่อยไปปรับปรุงแก้ไขในชั้นกรรมาธิการ” นายนิกรกล่าว

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามว่า กฎหมายทั้งสองฉบับควรทำเสร็จในช่วงเวลาใด นายนิกรกล่าวว่า จะมีการตั้งคณะกรรมาธิการชุดเดียว ทำกฎหมายทั้ง 2 ฉบับ เนื่องจากเป็นกฎหมายที่เหมือนกัน คาดว่าจะพิจารณาไม่เกิน 2 เดือน เสร็จทั้ง 2 ฉบับ หากคณะกรรมาธิการพิจารณาทัน ก่อนเปิดสมัยประชุมสามัญ ก็อาจขอเปิดสมัยวิสามัญได้ แต่ถ้าพิจารณาไม่ทัน ก็จะไปพิจารณาต่อในสมัยสามัญ

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image