‘สุดารัตน์’30ปีในการเมือง ส่อง‘ทางเลือก-ทางรอด’ประเทศ

‘สุดารัตน์’30ปีในการเมือง ส่อง‘ทางเลือก-ทางรอด’ประเทศ

หมายเหตุคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงประสบการณ์ทางการเมืองช่วง 30 ปีที่ผ่านมา กับแนวทางการขับเคลื่อนพรรคไทยสร้างไทยสู่สนามการเลือกตั้งครั้งหน้า

⦁ประสบการณ์ทางการเมืองในช่วง 30 ปี กับการขับเคลื่อนการเมืองในครั้งนี้

30 ปีที่ผ่านมาเหมือนกับปัญหาของประชาชนไม่ได้ถูกแก้อย่างจริงจัง เหมือนจะถูกแก้ไปในบางห้วงหรือบางช่วงที่มีความคืบหน้า แต่ท้ายที่สุดก็จบด้วยการรัฐประหาร และ 30 ปีในชีวิตทางการเมืองก็เจอรัฐประหาร 3 ครั้งเหมือนเป็นการถูกหยุดยั้งการพัฒนาของประชาธิปไตยและการพัฒนาของประเทศ แล้วกลายเป็นเหมือนกงล้อย่ำอยู่กับที่ถ้าเปรียบเทียบคือตอนที่เข้ามาเป็น ส.ส.ครั้งแรกวันที่ 22 มีนาคม 2535 เหตุการณ์ตอนนั้นเหมือนกับเหตุการณ์ในปัจจุบัน ตอนนั้นหลังเกิดรัฐประหารที่ใช้คำว่า คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และมีการฉีกรัฐธรรมนูญ เขียนรัฐธรรมนูญใหม่โดยเอื้อต่อการสืบทอดอำนาจของผู้ที่เข้ามาทำรัฐประหาร

Advertisement

ผ่านไป 30 ปีจนถึงวันนี้ การรัฐประหารครั้งล่าสุดมีการฉีกรัฐธรรมนูญแล้วเขียนรัฐธรรมนูญให้เอื้อต่อการที่จะสืบทอดอำนาจมากขึ้นยิ่งกว่าเดิมอีก นอกจากจะให้คนนอกเป็นนายกฯได้แล้วยังมีสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คนมาใช้อำนาจแทนประชาชนในการที่จะเลือกนายกฯอีก นอกจากนั้น ยังมีแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีเข้ามาครอบทิศทางการพัฒนาประเทศ ให้ต้องอยู่ในมุมและกรอบของผู้มีอำนาจเท่านั้น เพราะฉะนั้นกงล้อนี้มันเหมือนเดิม ระหว่างทาง 30 ปี อาจจะมีบางช่วงที่ประเทศไทยดีขึ้นแต่ท้ายที่สุดก็ถูกขัดจังหวะด้วยการรัฐประหารและกลับมาตกต่ำเหมือนเดิม มองว่าคือการเสียโอกาสของประเทศที่มีการรัฐประหารและขัดขวางการพัฒนาประชาธิปไตย

ถ้าปล่อยให้ประชาธิปไตยเป็นการลองผิดลองถูกกันไป ทุก 4 ปีมีการเลือกตั้งใหม่ ประชาชนจะเป็นผู้ลงโทษเองถ้าพรรคการเมืองหรือนักการเมืองไม่ดี แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นการพัฒนาประชาธิปไตยเพราะจะมีคนดีเข้ามายึดอำนาจและฉีกรัฐธรรมนูญ ท้ายที่สุดคนดีก็โกงกินประเทศและไม่มีความสามารถที่จะนำพาประเทศให้เจริญก้าวหน้าหรือพัฒนาได้ จึงย่ำอยู่กับที่แบบนี้และคนที่ได้รับเคราะห์กรรมคือประชาชน

⦁พรรคไทยสร้างไทยจะเป็นตัวเลือกนำพาประเทศให้หลุดพ้นวิกฤต

Advertisement

พรรคไทยสร้างไทยจึงเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่หรือเป็นทางรอดของประเทศ ยืนอยู่บนหลักของประชาธิปไตยไม่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของเผด็จการหรืออำนาจนิยมที่ไม่ได้มาจากประชาชน ต้องแก้รัฐธรรมนูญและสร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนจริงๆ ไม่ใช่แก้เฉพาะวิธีการนับคะแนนหรือบัตรเลือกตั้งอย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ซึ่งไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้อย่างถาวร ทุกนโยบายของไทยสร้างไทยได้นำจุดที่เป็นปัญหามาตลอด 30 ปีเข้าไปเป็นหลักในการคิดในทุกนโยบายซึ่งมีหลักง่ายๆ อยู่ 2 ข้อเท่านั้น คือ Empower การเพิ่มพลังของประชาชน ทำให้ประชาชนคนตัวเล็กตั้งแต่คนชั้นกลางที่ทำ SME ไปจนถึงเกษตรกร หรือผู้ใช้แรงงาน จะช่วยให้ตั้งตัวได้ ทำมาหากินได้เร็วที่สุด จึงได้มีกองทุนที่จะช่วย คือ กองทุน SME มีสมาชิก 3 ล้านกว่าราย เกิดการจ้างงานถึง 15 ล้านคน ซึ่งใน 3 ล้านรายนี้เข้าถึงแหล่งทุนได้เพียง 4 แสนราย กองทุน SME จะมีดอกเบี้ยที่เป็นธรรม

กองทุนสตาร์ตอัพ สำหรับคนรุ่นใหม่ ต้องยอมรับการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่และต้องหาโอกาสจากโลกยุคใหม่ให้เป็นโอกาสในการทำมาหากิน และมีกองทุนสำหรับเกษตรกร ให้รู้จักเรื่องเทคโนโลยีบวกกันกับภูมิปัญญาชาวบ้าน สามารถทำวิสาหกิจให้ลูกหลานกลับไปช่วยพ่อแม่ทำมาหากินได้ สุดท้ายคือกองทุนเครดิตประชาชนเพื่อคนตัวเล็ก เป็นกองทุนที่ให้โอกาสพ่อค้าหรือแม่ค้าที่เข้าไม่ถึงแหล่งทุนและต้องกู้หนี้นอกระบบโดยเราจะให้โอกาสในการเข้าถึงแหล่ง ดอกเบี้ยเหลือร้อยละ 0.05 ต่อเดือนเพื่อให้เขาตั้งตัวได้โดยไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกันแต่ให้ใช้เครดิตของตนเอง

การเพิ่มพลังจะเริ่มจากคนฐานกลางลงล่างเพราะคือคนที่เป็นส่วนมากที่สุดในประเทศ ต้องทำให้คนจำนวนมากมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงจะขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศได้ พร้อมกันกับการต้อง Liberate (ปลดปล่อย) ในทุกนโยบาย ปลอดปล่อยประชาชนออกจากอำนาจรัฐราชการที่กดทับจากกฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ

ดังนั้น จะยกเว้นกฎเกณฑ์ ใบอนุญาต และกฎหมายที่ล้าสมัยด้วยพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) 1 ฉบับ โดยใช้เวลา 3 อาทิตย์เท่านั้น เพื่อให้ประชาชนลุกขึ้นมาทำมาหากินได้เร็วที่สุด แข็งแรงที่สุด เข้าถึงทุน พักหนี้ โดยไม่มีกฎเกณฑ์มาบังคับ คือการออก พ.ร.ก.พักใช้ชั่วคราว 3-4 ปี เพื่องดใช้กฎหมายใบอนุญาตประมาณ 1,300 ใบ ให้โอกาสคนในการเข้าถึงการทำมาหากินได้เร็วขึ้น นี่คือสิ่งที่จะอยู่ในทุกนโยบาย

นโยบายของพรรคไทยสร้างไทย คือการดูแลตั้งแต่เกิดจนแก่ การเกิดสำคัญตั้งแต่ในท้อง ไม่ใช่เป็นเรื่องของการไปให้เงินอย่างเดียว แต่การให้ความรู้และเข้าถึงการบำรุงเด็กในท้อง ซึ่งทุกคนมีโรงพยาบาลประจำตัวจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ต้องขยายให้ดูแลเด็กตั้งแต่ในท้อง เมื่อถึงวัยเรียนมีนโยบายในการที่จะให้เด็กเรียนฟรีจนจบปริญญาตรี ไม่ใช่นโยบายประชารัฐ หรือประชานิยม มีหลักคิดของเราว่าอันดับแรกเด็กต้องถูกเปลี่ยนหลักสูตร เพราะหลักสูตรที่เรียนอยู่ไม่สามารถที่จะทำให้เด็กไทยอยู่รอดในอนาคตได้ ต้องทำให้เด็กไทยเป็น Global Citizen (พลเมืองของโลก) เพราะเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งที่จะทำให้เด็กสามารถทำมาหากินข้ามโลกได้ ต้องเปลี่ยนหลักสูตร ลดเวลาการเรียนในชั้นมัธยมต้นและมัธยมปลายลง 1 ปี ลดเวลาการเรียนแต่เรียนอย่างมีคุณภาพมากขึ้น สามารถใช้เทคโนโลยีใช้การสอนแบบออนไลน์ ใช้เมตาเวิร์ส

ม็อตโต้ คือ ลดเวลาการเรียนแต่เพิ่มคุณภาพการเรียนและเมื่อเข้ามหาวิทยาลัยจะลดหน่วยกิตลงให้เด็กจบมหาวิทยาลัยภายใน 3 ปี และเปลี่ยนวิธีการเรียนในมหาวิทยาลัย แทนที่จะเข้าไปแล้วต้องเรียนตามที่มหาวิทยาลัยกำหนด เราจะเรียนเหมือนต่างประเทศโดยการเรียนมหาวิทยาลัยเหมือนการถือตะกร้าเดินเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต สนใจอยากเรียนวิชาไหนก็สามารถเลือกเรียนได้ตามใจ สามารถดีไซน์วิชาที่ตัวเองอยากนำไปใช้ได้ไม่ใช่การถูกบังคับเรียน ให้เด็กเป็นฝ่ายเลือกโรงเรียน เพราะฉะนั้นโรงเรียนและมหาวิทยาลัยต้องพัฒนาหลักสูตรของตนเองให้เด็กพอใจ ทั้งนี้ หากจะเปลี่ยนเป็นเรียนฟรี 15 ปี ต้องลงทุนในการสร้างคน สร้างให้เด็กไทยมีคุณภาพมันจะคุ้มมากกว่า และหากเรียนฟรี 15 ปี หนี้ กยศ.ก็ไม่จำเป็นต้องมี หนี้ กยศ.ที่ค้างอยู่ 60,000 ล้านบาท เทียบกับการไปซื้ออาวุธ เรือดำน้ำ รถถัง ตนคิดว่าคุ้มกว่า ซึ่งในหนี้ กยศ.จำนวนนั้นมีคนเดือดร้อนเป็นแสนคน เนื้องจากผู้ที่กู้ต้องมีคนค้ำประกัน 2 คน

ส่วนวัยทำงาน การเข้าถึงโอกาสกองทุนต่างๆ เข้าถึงความรู้ในการพัฒนาตัวเอง เมื่อถึงวัยผู้สูงอายุ จะให้มีบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาท กับผู้สูงอายุที่มีรายได้ไม่เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่งเป็นการต่อยอดจากโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค การมีบำนาญ 3,000 บาท เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัยให้ผู้สูงวัยที่มีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพมีรายได้พอเลี้ยงตนเอง ไม่เป็นภาระของใคร รวมถึงสร้างให้ผู้สูงอายุแข็งแรงและมีความรู้ในโลกยุคใหม่ คือ ผู้ที่รับ 3,000 บาทก็เข้าโปรแกรมสร้างสุขภาพ สร้างความรู้ โดยเปลี่ยนศาลาประชาคมกลางหมู่บ้านเป็นศูนย์สุขภาพและศูนย์ความรู้ของผู้สูงวัย เพื่อให้สามารถกลับไปทำงานและมีรายได้มาเลี้ยงครอบครัวได้

นอกจากนี้ ยังช่วยให้เกิดการหมุนเวียนในหมู่บ้านได้อีกด้วย เนื่องจากผู้สูงอายุอาจจะมีการนำเงินจำนวนนั้นไปซื้อของต่างๆ ในหมู่บ้าน โดยหากในหมู่บ้านมีผู้สูงอายุ 100 คน จะมีรายได้หมุนเวียนภายในหมู่บ้านถึง 300,000 บาทต่อเดือน ทำให้สามารถช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานรากได้ โดยเงินที่จะต้องเสียให้ 300,000-400,000 ล้านบาทต่อปี เป็นบำนาญประชาชน จะกลายเงินเป็น 1.2 ล้านล้าน ที่รัฐจะสามารถเก็บภาษีได้ตั้งแต่ภาษี ไปจนภาษีเงินได้นิติบุคคลและเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งรัฐก็จะสามารถเก็บเงินคืนสู่กระเป๋าได้ ซึ่งเป็นกำลังซื้อที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างมหาศาล หากคนส่วนนี้มีเงินก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้นแน่นอน นี่เป็นประสบการณ์ 30 ปี ที่ว่าถ้าจะแก้วิกฤตเศรษฐกิจของประเทศจะต้องทำเช่นนี้

⦁พรรคไทยสร้างไทยจะเป็นพรรคที่นำพาประเทศผ่านวิกฤต

แน่นอนว่าเสนอตัวเป็นทางเลือกใหม่ เป็นทางรอดของประเทศ อย่างที่บอกว่าวันนี้ตรึงซ้าย ตรึงขวา ประเทศไม่มีทางจบ ฉะนั้น หากเราจะแก้อุปสรรค ความขัดแย้งทางการเมือง คือแก้รัฐธรรมนูญ เรื่องแก้เศรษฐกิจจะเป็นเรื่อง Empower การสร้างงาน สร้างรายได้ ไม่ใช่ไปกระจุกตัวที่คนรวย ฉะนั้นเป้าหมายของไทยสร้างไทยคือจะทำทุกวิถีทางทำให้ทุกคนลุกขึ้นมาสร้างแรงได้ สร้างตัวได้ ให้เร็วที่สุดในยุคนี้

คิดว่าประสบการณ์ 30 ปีที่ผ่านมาของดิฉันและอีกหลายคน เรื่องนโยบายเราคิดอย่างรอบคอบ ยืนยันและสามารถมาดีเบตได้เลยว่าเงินที่แจก 3,000 บาทนั้น หากฟังรายละเอียดจะเห็นว่าคือการสร้างประเทศใหม่ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ผู้สูงอายุ ลดเวลาเรียนของเด็กแต่เพิ่มคุณภาพ ให้เด็กจบไวขึ้น มั่นใจว่าเรื่องนโยบายและจากประสบการณ์ และด้วยตัวของดิฉันก็เป็นคนเชื่อมคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่ มั่นใจว่าเมื่อลงสนามแล้ว ก็สู้และเสนอตัวและพรรคเป็นทางเลือกใหม่ รวมถึงคิดว่าจะเป็นทางรอดให้กับประเทศด้วย เพราะจะแก้ไขปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองได้ด้วยการให้ทุกคนมีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญ ไม่ใช่เป็นรัฐธรรมนูญของฝ่ายนั้นฝ่ายนี้ โดยสโลแกนของตนตั้งแต่เข้ามาทำการเมืองเมื่อ 30 ปีที่แล้วคือ “ทำงานจริงจัง ฟังเสียงประชาชน” ยังเป็นสโลแกนของตนจนถึงปัจจุบัน

วันนี้ท้าเลยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งคณะ และพรรคการเมืองต่างๆ ดิฉันเป็นนักการเมืองที่ลงพื้นที่มากที่สุดและเป็นเช่นนี้มาโดยตลอด เพราะถูกสั่งสอนจากพ่อว่าหากอาสาเป็นนักการเมืองแล้ว เราคือผู้รับใช้ประชาชน การที่เราจะต้องออกไปดูความทุกข์ร้อนและนำมาแก้ปัญหาคือหน้าที่ของเรา และภูมิใจว่าตลอดเวลาที่เป็นนักการเมืองมา 30 ปี ทำเรื่องยากสำเร็จมาแล้ว เช่น 30 บาทรักษาได้ทุกโรค

⦁การจะขับเคลื่อนนโยบายต้องได้รับเลือกตั้งมาเป็นฝ่ายบริหาร

หากประชาชนให้โอกาสในการเลือกตั้ง ได้มีโอกาสดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็พร้อม เราเสนอนโยบายและการสร้างพรรคไทยสร้างไทยถือเป็นภารกิจสุดท้ายในการทำงานการเมืองของดิฉัน ไม่ใช่เป็นการทำงานการเมืองครั้งสุดท้าย แต่การสร้างพรรคเป็นภารกิจสุดท้ายและต้องการสร้างพรรคที่เป็นเครื่องมือในการทำงานให้ประชาชนให้ดีที่สุดพรรคหนึ่ง ขอทำหน้าที่เป็นเสาเข็มของพรรคนี้และเป็นสะพานเพื่อเชื่อมโยงคนใหม่ที่มีความสามารถเข้ามาสู่สนามทางการเมือง รวมถึงคนรุ่นกลาง คนรุ่นเก่า ที่มีความรู้ในแต่ละเช็กเตอร์เข้ามาช่วยกันสร้างบ้านเมืองใหม่ เพราะหากไม่ช่วยกันสร้างขึ้นมาใหม่จะอยู่กันอย่างไร ต้องบอกว่าตั้งใจทำพรรคนี้ให้เป็นสถาบันทางการเมืองมีประชาชนเป็นเจ้าของพรรค ฉะนั้นจึงต้องมีโครงการฟังเสียงสร้างไทยก่อนสร้างนโยบายที่ตอบโจทย์ประชาชน

เราเสนอพรรคของเราเป็นพรรคทางเลือกใหม่ เป็นทางรอดของประเทศ ไม่ได้มาเป็นพรรคที่ทำเพื่อตนเอง ทำเพื่อก๊กก๊วนของตัวเอง ชีวิตในวันนี้ สามารถเดินมาถึง 30 ปีทางการเมือง ตำแหน่งต่างๆ ไม่อยากได้แล้ว ซึ่งทุกวันนี้ทุกตำแหน่งได้มาหมดแล้ว ดังนั้น สิ่งที่เหลือของชีวิตวันนี้ต้องการทำให้ประเทศและประชาชน ก่อนที่จะจบชีวิตทางการเมืองในอนาคต อยากจะฝากพรรคการเมืองดีๆ พรรคหนึ่งที่เป็นเครื่องมือทำงานการเมืองเพื่อประชาชน ต้องเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นลำดับแรก ประโยชน์ของพรรคเป็นอันดับสอง และประโยชน์ของตนเองมาท้ายที่สุด

⦁ความพร้อมของพรรคไทยสร้างไทยหากมีการยุบสภาในปี 2565

พรรคไทยสร้างไทยพร้อมที่จะลงสนามในการเลือกตั้งครั้งต่อไป แต่คิดว่าคงยุบสภาไม่เร็ว เชื่อว่าคงไปยุบสภาช่วงปลายปี เพราะจะได้ใช้งบประมาณอีกปี โยกย้ายข้าราชการอีกครั้ง เชื่อว่าผู้มีอำนาจจะยุบสภาใกล้ๆ ที่จะหมดวาระ เพราะยุบสภายังรักษาการต่างๆ ได้ แต่หากรอจนหมดวาระ จะรักษาการและใช้อำนาจไม่ได้ ดังนั้นไม่ใช่เรื่องที่น่าดีใจที่ผู้มีอำนาจจะมาบอกว่าจะยุบสภาปลายปี อย่างไรก็ตาม ดิฉันพร้อมสู้ แม้จะเป็นพรรคใหม่ และไม่รู้จะทำสำเร็จหรือไม่ คนจะมาร่วมสร้างประเทศกับพรรคไทยสร้างไทยมากน้อยแค่ไหน ไม่ทราบ แต่ความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะทำให้กับประเทศชาติ กับประชาชน กับลูกหลาน มีใจเกินร้อยและทำเต็มที่ พร้อมที่จะแข่งกับทุกพรรคที่จะลงเลือกตั้งในสมัยหน้า

⦁อยากฝากอะไรถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งต่อพรรคไทยสร้างไทย

อยากจะฝากถึงผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งว่า ขอให้เห็นความสำคัญของการเมือง คุณอาจจะไม่ใช่นักการเมือง แต่อยากให้เห็นความสำคัญของการเมือง อย่ารังเกียจการเมืองและหากสามารถที่จะมาเป็นนักการเมืองได้ ควรที่จะมาเป็น เพราะวันนี้หากมองว่าการเมืองเป็นเรื่องเลวร้าย พรรคการเมืองคือซ่องโจร ก็จะได้แต่โจรมาปกครองประเทศ การเมืองเป็นเรื่องของคนทุกคนที่ควรสนใจ พรรคไทยสร้างไทย จะไม่ให้ประชาชนมีสิทธิแค่วันกากบาทเลือกตั้งเท่านั้น แต่พรรคไทยสร้างไทยจะให้ประชาชนมีสิทธิกับไทยสร้างไทยในการสร้างประเทศไทยทั้งก่อนและหลังวันกากบาท

เราได้ทำเรื่องการรับฟังเสียงประชาชนทุกนโยบาย เมื่อเป็น ส.ส.แล้วในทุกนโยบายก่อนจะลงมติ จะฟังเสียงของประชาชน ประชาชนจะสามารถสั่งให้โหวตอย่างไรก็ได้ในสภา และอยากจะฝากว่าพรรคไทยสร้างไทยตั้งใจเป็นเครื่องมือทำงานการเมืองที่ดีที่สุด ตั้งใจที่จะทำเพื่อประชาชนเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ฉะนั้นเรามั่นใจว่าสิ่งที่ทำ จะไม่ก่อให้เกิดความขัดแย้งเพิ่มเติมให้กับประเทศ เรามุ่งที่จะสร้างเศรษฐกิจที่ดี ให้สิทธิเสรีภาพกับประชาชน รวมถึงอยากให้ประชาชนมองว่าไทยสร้างไทยเป็นทางเลือกใหม่และทางรอดของประเทศ ทั้งนี้ ไม่ว่าอย่างไรก็พร้อมสู้เต็มที่

ธัญญา บวชดอน
พรสุดา คำมุงคุณ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image