‘จุรินทร์’ โว ปชป.ขาขึ้นไม่ใช่ขาลง ลั่นปัญหาแย่งลงสมัคร ส.ส.เหตุคะแนนนิยมพุ่ง ชี้เลือดเก่าไหลออกไม่ใช่ความผิดของพรรคเสมอไป แต่ละคนมีเงื่อนไข เผยไม่อยากเห็นคนผิดหวังย้ายหนี
เมื่อเวลา 09.50 น. วันที่ 19 มีนาคม ที่โรงแรมแคนทารีฮิลส์ จ.เชียงใหม่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรััฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงงามสัมมนาพรรค ว่าเป็นงานสัมมนา ส.ส. กรรมการบริหารพรรค และผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ซึ่งทำกันเป็นประจำในช่วงปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อติดตามสถานการณ์และกำหนดแนวทางการทำหน้าที่ของ ส.ส.ในแต่ละพื้นที่
เมื่อถามว่าการสัมมนาครั้งนี้มีจุดประสงค์เพื่อเตรียมรับมือการยุบสภาใช่หรือไม่ นายจุรินทร์กล่าวว่า การยุบสภาจะมีหรือไม่ ไม่มีใครทราบ แต่ต้องยอมรับว่ารัฐบาลกำลังจะก้าวเข้าสู่ปีที่ 4 ถ้าอยู่ครบ 4 ปี อย่างน้อยก็ต้องมีการเลือกตั้งอยู่ดี เดือนมีนาคมนี้ก็ถือเป็นการครบ 3 ปีของรัฐบาล อย่างไรก็ตาม การเตรียมตัวผู้สมัครของพรรคคืบหน้าไปมาก โดย นายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยและรองหัวหน้าพรรค ในฐานะประธานคณะทำงานก็ดำเนินการมาตลอด เช่น ที่กรุงเทพมหานคร ตัวผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. และสมาชิกสภากรุงเทพฯ (ส.ก.) ก็เรียบร้อยแล้ว ส่วนตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม.ในการเลือกตั้งรอบหน้าจะถึง 33-34 เขต ซึ่งพรรคได้เตรียมพร้อมแล้วถึง 70-80%
ส่วนปัญหามีผู้เสนอตัวมากกว่าหนึ่งคนนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า สาเหตุมาจากพรรคมีคะแนนความนิยมเพิ่มขึ้นมาตามลำดับ เมื่อเปรียบเทียบกับ 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีคนต้องการมาลงสมัครในนามของประชาธิปัตย์มากขึ้น จากที่ในแต่ละเขตไม่มีผู้ประสงค์จะลงสมัครกลายเป็นแย่งกันลง ซึ่งพรรคจะมีกระบวนการพิจารณา และยืนยันว่าทุกคนมีความสำคัญเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ว่าคนที่ได้รับเลือกให้ลงสมัครอยู่กับพรรค แต่คนที่ไม่ได้รับเลือกให้ลงสมัครออกไปอยู่พรรคอื่น ซึ่งท้ายที่สุดพรรคก็ต้องเลือกผู้สมัครลงแค่คนเดียว
ส่วนคนที่ไม่ได้ลงเขตพรรคก็จะมีกระบวนการให้ไปลงสมัครเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือหากคนใดมีความสามารถก็จะให้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมือง หากพรรคได้เป็นรัฐบาล ซึ่งตนคิดว่าเป็นทางออก ทั้งนี้ เขตใดที่มีปัญหาก็จะต้องทำโพลต่อไปเพื่อตัดสินปัญหา
เมื่อถามถึงสาเหตุที่ทำให้คนเก่าๆ ของพรรคลาออกไป นายจุรินทร์กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพรรคไม่ควรจะพูด แต่การที่มีคนออกจากพรรคไม่ได้แปลว่าเป็นความผิดของพรรคเสมอไป เพราะแต่ละคนมีเงื่อนไข มีที่มาที่ไป ซึ่งตนก็เคารพ ขณะเดียวกันคนที่อยู่ในพรรคก็ต้องเดินหน้าต่อ และหาคนใหม่เข้ามาเติมเต็ม ซึ่งพรรคทำลักษณะเช่นนี้มาโดยตลอด พรรคจึงยังอยู่ได้ ที่สำคัญต้องยึดมั่นในอุดมการณ์ และต้องเดินหน้าไปสู่การเป็นสถาบันทางการเมือง
ต่อข้อถามว่ามีการสร้างวาทกรรมว่าคนที่ออกจากพรรคคือเลือดเทียม ในฐานะหัวหน้าพรรคจะต้องทำความเข้าใจในเรื่องนี้อย่างไรบ้าง นายจุรินทร์กล่าวว่า ไม่ขอตอบ แต่เห็นความสำคัญของทุกคน ตนก็มีหน้าที่ขับเคลื่อนร่วมกับทุกคนที่ยังแน่นเหนียวกับพรรค เพื่อพาพรรคไปสู่ความสำเร็จ ทั้งนี้ มั่นใจว่าประชาธิปัตย์เดินขึ้นไม่ได้เดินลง