วิโรจน์ ชูแก้ปัญหาการศึกษา ต้องตอบโจทย์ พ่อแม่ เด็ก ครู เพื่อศักยภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ

วิโรจน์ ชูแก้ปัญหาการศึกษา ต้องตอบโจทย์ พ่อแม่ เด็ก ครู เพื่อศักยภาพ ลดความเหลื่อมล้ำ เตรียมนำเป็น12 นโยบายหลัก เปิดตัว 27 มี.ค.นี้

เมื่อวันที่ 20 มีนาคม นายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่า กทม. จากพรรคก้าวไกล ลงพื้นที่สนามเป้า เพื่อติดตามประเด็นการศึกษา เปิดเผยว่า ตนตามเรื่องนี้มานานและอยากแก้ไขปัญหาในกรุงเทพ ขอชูประเด็นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย 3 กลุ่ม ได้แก่ตอบโจทย์พ่อแม่ในกรุงเทพฯ ต้องไปทำงานอย่างสบายใจ กทม.ต้องสนับสนุนการศึกษา บริการดูแลเด็กหลังเลือกเรียน

ทั้งนี้ต้องเพิ่มงบอาหาร ให้เด็กมีโภชนาการที่ดี และสำคัญสุดโรงเรียนในสังกัดกทม. ต้องปราศจากการกลั่นแกล้งรังแกให้ได้ มีการจัดจ้างครูการศึกษาพิเศษ และนักจิตวิทยาเพิ่มเติม ถ้าสิทธิเด็กได้รับการคุ้มครอง ครูและเด็กเข้าใจกัน หน้าต่างของการเรียนรู้จะเปิดกว้างขึ้น คุณภาพการเรียนการสอนก็จะดีขึ้น

โจทย์ที่ 2 คือต้องตอบโจทย์เด็ก คนกรุงเทพต้องการให้เด็กสามารถคิดสร้างสรรค์ สามารถค้นหาตัวเอง มีโอกาสพัฒนาทักษะที่สำคัญ มีมนุษยสัมพันธ์ เห็นอกเห็นใจผู้อื่น สิ่งต่างๆ เหล่านี้ ถ้าเด็กไม่มีเวลาก็จะทำไม่ได้ ถึงเวลาแล้วที่โรงเรียนกทม. จะเรียนให้น้อยลง ลดการสอบลง แล้วเปิดพื้นที่ในการร่วมมือกับหน่วยงานอื่นๆ เช่น ศูนย์ฝึกอาชีพ กทม. ในการพัฒนาทักษะอาชีพ และหน่วยงานอื่นๆ ในการพัฒนาทักษะการเงินส่วนบุคคล ทักษะการเป็นผู้ประกอบการ ทักษะการช่วยชีวิต ฯลฯ ให้เด็กได้เรียนรู้ในสิ่งที่จำเป็นกับการใช้ชีวิต

โจทย์ที่ 3 คือ ครู ระบบการศึกษาของ กทม. ต้องให้โรงเรียนมีอำนาจในการตัดสินใจในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการจัดการเรียนการสอน เช่น การสั่งซื้อหนังสือเรียน และสื่อการเรียนรู้ต่างๆ โดยตัดขั้นตอนเยิ่นเย้อ ที่ต้องผ่านเขตออก ให้มาที่สำนักการศึกษาได้โดยตรง และที่สำคัญครูจะต้องมี อำนาจในการจัดการเรียนการสอน

Advertisement

ยืนยันว่านโยบายการศึกษาเป็นนโยบายที่ตนให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะการลงทุนกับการพัฒนาศักยภาพการเรียนรู้ของเด็กๆ คือการลงทุนเพื่ออนาคตของชาติ และยังเป็นการสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างเมืองที่คนเท่ากันในระยะยาว โดยนโยบายการศึกษาจะเป็น 1 ใน 12 นโยบายหลักของทีมที่จะเปิดตัวในวันที่ 27 มี.ค.นี้

ทางน.ส.กุลธิดา รุ่งเรืองเกียรติ หรือครูจุ๊ย กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า ในฐานะนักวิชาการการศึกษาและผู้อำนวยการมูลนิธิคณะก้าวหน้า เผยว่าสถานการณ์ปัญหาการศึกษาของนักเรียนในกรุงเทพมหานครอยู่ในภาวะวิกฤต ยกปัญหา 3 ข้อ ได้แก่ 1.ปัญหาสวัสดิการของนักเรียน ซึ่งที่ผ่านมาพบว่ามีหลายครอบครัวต้องประสบปัญหาทางเศรษฐกิจในยุคโควิดที่ผ่านมา ทำให้นักเรียนในกรุงเทพที่มาจากครอบครัวรายได้น้อยต้องประสบปัญหาระหว่างการเรียนการสอน ขอแนะนำว่า กทม. ควรสนับสนุนงบประมาณสวัสดิการในเด็ก อัดฉีดสวัสดิการที่เพิ่มมากขึ้น

2.นักเรียนในพื้นที่กรุงเทพขาดการเรียนรู้ที่หลากหลาย ซึ่งการเข้าถึงแหล่งการเรียนรู้ของนักเรียนนักศึกษาพื้นที่กรุงเทพ มีราคาต้องจ่าย เพราะแหล่งการเรียนรู้ที่เป็นสาธารณะเข้าถึงง่ายมีน้อยเกินไป และ 3.นโยบายในประเทศจำกัดการเรียนรู้ ทำให้แนวทางการจัดการในโรงเรียนมีข้อจำกัด ปัจจุบันรัฐเน้นแก้ปัญหา หาออกนโยบายอุดช่องโหว่ด้วยหน่วยงาน SE (Social Enterprise) มากกว่าการทบทวนนโยบายระดับชาติ

Advertisement

ด้านว่าที่เรือตรี ธนวรรธน์ สุวรรณปาล หรือครูทิว แอดมินเพจ ครูขอสอน กล่าวว่า ในฐานะเป็นครูที่อยู่ในระบบการศึกษา ขอยกตัวอย่างสถานการณ์ของครู และการเรียนการสอนให้เห็นภาพใหญ่ของปัญหา คือ โรงเรียนในสังกัดกทม. 400 กว่าโรงเรียน มีการดูแลผ่านสำนักงานเขต จึงขอตั้งคำถามว่ามีเจ้าหน้าที่ดูแลพอหรือไม่

สภาพแวดล้อมการเรียนรู้ และความโยงใยระหว่างครู-เด็ก และ ครอบครัว ซึ่งคนกทม. มีทางเลือกมากมายในการส่งบุตรหลานเข้าเรียน ร.ร. กทม. ร.ร. สพฐ. ร.ร. เอกชน ร.ร. นานาชาติ แต่ถ้าเด็กไม่ได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม ทั้งในครอบครัว และโรงเรียนในระบบ ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อพัฒนาการ โจทย์ใหญ่คือจะทำอย่างไรให้โรงเรียนมีการทำงานร่วมกับผู้ปกครอง ให้เด็กอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดเวลา

ขอบคุณข้อมูล : ข่าวสด

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image