“นิกร” ขอหนุนบัตร ลต.ร่าง ครม.-พรรคร่วม รบ. อ้าง เบอร์เดียวทั้งประเทศสุ่มเสี่ยงคนร้องเข้าข่ายผิด กม.
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม นายนิกร จำนง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ในฐานะเป็นหนึ่งในผู้เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาล กล่าวว่า ตนทราบอยู่แล้วว่า การมีบัตรเลือกตั้งสองใบที่เบอร์เหมือนกันนั้น อาจจะสะดวกในการลงคะแนนเลือกตั้งมากกว่า ตามรัฐธรรมนูญปี 2540 และรัฐธรรมนูญปี 2550 (แก้ไขปี 2554) ซึ่งทั้งสองฉบับกำหนดไว้ชัดเจนว่า บัญชีรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง ให้พรรคการเมืองจัดทำขึ้นพรรคการเมืองละหนึ่งบัญชี และให้ยื่นต่อคณะกรรมการการเลือก (กกต.) ตั้งก่อนวันเปิดรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ผู้สมัครทั้งสองแบบจึงไม่ยืดโยงกันโดยตรง ทำให้ กกต.สามารถนำเบอร์ของพรรคการเมืองที่ได้มาก่อนแล้วมาใช้กับผู้สมัครของพรรคนั้นๆ เป็นเบอร์เดียวกันเพื่อความสะดวกได้ตามที่ได้อ้างถึงกัน แต่การแก้ไขร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญเลือกตั้งฉบับนี้ จำเป็นต้องยืดเอาตามรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่บทบัญญัติในมาตรา 90 ที่ยังไม่ได้มีการแก้ไขและยังต้องมีผลบังคับใช้อยู่ในการเลือกตั้งทั้งสองระบบอย่างมีนัยสำคัญ ได้ผูกมัดไว้ว่า พรรคการเมืองใดส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งแล้ว ให้มีสิทธิส่งผู้สมัครแบบบัญชีรายชื่อได้ โดยหลักการนี้ไม่สามารถจะมาปรับวิธีการสมัครแบบเขตเลือกตั้งแล้วให้รอเบอร์ไว้ก่อน โดยอ้างว่าแล้วเสร็จแต่อยู่รอตรวจสอบความถูกต้องก่อน จากนั้นก็มาเปิดให้สมัครแบบบัญชีรายชื่อภายหลัง แล้วเอาเบอร์ที่ได้ของแต่ละพรรคไปยกให้กับผู้สมัครของพรรคนั้นๆ
“การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำการแบบซิกแซก เป็นทำนองวิถีศรีธนญชัย ซึ่งสุ่มเสี่ยงมากต่อการถูกร้องให้การเลือกตั้งครั้งที่จะเกิดขึ้นเป็นโมฆะได้ ถ้ามีใครร้องกลับว่าการสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อไม่ถูกต้อง เพราะกระทำขึ้นก่อนการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตของแต่ละพรรคที่สมัครแล้วเสร็จ ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้แม้ว่าร่างนี้จะผ่านการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ หรือองค์กรอิสระไปแล้ว เพราะเป็นเพียงการพิจารณาเชิงตัวอักษรเมื่อมีการปฏิบัติจริงในการเลือกตั้งจริงก็จะสุ่มเสี่ยง และจะเกิดความเสียหายมากมายตามมามากเกินไปที่จะเลือกใช้บัตรเลือกตั้งสองใบแล้วฝืนทำเบอร์ให้เหมือนกัน โดยส่วนตัวเห็นว่าขัด หรือแย้งกับรัฐธรรมนูญปี 2560 จึงจะขอลงคะแนนเสียงสนับสนุนร่างหลักของคณะรัฐมนตรีและร่างของพรรคร่วมรัฐบาล” นายนิกรกล่าว
