‘วิโรจน์’ โชว์วิสัยทัศน์ ชู 4 นโยบายเร่งด่วน แก้ PM2.5-ขยะกลิ่นเหม็น
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ห้องประชุมวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม.) พรรคก้าวไกล (ก.ก.) กล่าวในวงเสวนาในชื่อ “งานเสวนาว่าที่ผู้ว่า กทม. กับการบริหารจัดการขยะ น้ำ อากาศ และเมืองยั่งยืน” ตอนหนึ่งว่า คนส่วนใหญ่ที่ได้รับผลกระทบจากมลภาวะมักเป็นคนตัวเล็กตัวน้อย และเป็นคนที่ไม่ได้ก่อมลภาวะด้วยตัวเอง ส่วนใหญ่เป็นคนทำงานกลางแจ้ง เป็นคนเดินถนนที่ต้องแบกรับปัญหามลภาวะต่างๆ ซึ่งเมืองจะยั่งยืนได้ ต้องดูแลคนทุกคน อย่างเสมอหน้ากัน
นายวิโรจน์กล่าวว่า ส่วนภารกิจเร่งด่วนที่สามารถแก้ไขได้ทันทีหากได้รับเลือกตั้งให้เป็นผู้ว่าฯกทม. มีทั้งหมด 4 ข้อ คือ 1.เร่งทบทวนโรงงานที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ กทม. เพื่อตรวจสอบมาตรฐานการปล่อยมลภาวะทางอากาศ พร้อมถอนใบอนุญาตหากปล่อยมลภาวะเกินกำหนด 2.ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมการขนส่งทางบก กรณีการต่อทะเบียน และมีการกำกับพิเศษ ต่อยานพาหนะที่ปล่อยมลภาวะหรือฝุ่นควัน PM2.5 3.หารือกรมควบคุมมลพิษ ในการออกข้อกำหนดมาตรฐานการปล่อยสารพิษ ในการควบคุมสารพิษในกลุ่มสาร VOCs (Volatile organic Compounds) Nitrogen Oxide (NOx) ไนโตรเจนออกไซด์ หรือกลุ่มก๊าซที่มีความไว (Highly reactive gases) และ 4.จัดให้คนกลุ่มเปราะบาง กลุ่มเสี่ยง เด็กเล็ก ที่ไม่สามารถดูแลตัวเองจากมลภาวะทางอากาศได้ เข้าถึงห้องปลอดฝุ่น ห้องสะอาดในพื้นที่เสี่ยง
นายวิโรจน์กล่าวว่า ส่วนภารกิจเร่งด่วน เช่น กรณีการจัดการฝุ่นควัน PM2.5 นั้น มีโรงงานใน กทม.ถูกร้องเรียนเป็นจำนวนมาก แต่โรงงานดังกล่าวกลับยังไม่ถูกปิด สะท้อนให้เห็นถึงความไม่ใส่ใจของผู้ว่าฯกทม. พร้อมกับตั้งคำถามต่อไปอีกว่า ถึงเวลาในการจัดตั้ง ULEZ (Ultra Low Emission Zone) พื้นที่ควบคุมมลภาวะพิเศษ ในพื้นที่ กทม.ชั้นในแล้วหรือยัง
นายวิโรจน์กล่าวว่า ส่วนปัญหาขยะ จะแก้ปัญหาโรงขยะมูลฝอยประเวศ ซึ่งส่งกลิ่นเหม็นและส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ไปจนถึงเด็กเล็กในพื้นที่ โดยอยู่ภายใต้การดูแลของบริษัทกรุงเทพธนาคม ของ กทม.ทันที พร้อมตรวจสอบสัญญาและติดตามเอาผิดการจัดการขยะที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตคน กทม. โซนตะวันออก และผลักดันการแก้ไขโรงขยะให้เป็นตัวอย่างของการจัดการขยะทั่ว กทม.
