ทะลุฟ้า เฮ! มูลนิธิปรีดี รับปาก ชะลอรื้อถอน-เปิดเวที ฟังความเห็น หลังปักหลัง 9 วันเต็ม
จากกรณีมูลนิธิสถาบันปรีดี ทำการรื้อถอนอาคารสถาบันปรีดี พนมยงค์ หรือที่รู้จักกันในชื่อสวนครูองุ่น ซึ่งตั้งอยู่ที่ซอยสุขุมวิท 55 (ซอยทองหล่อ) โดยกลุ่มทะลุฟ้าได้ชุมนุมปักหลักเข้าสู่วันที่ 9 ตั้งแต่วันที่ 2 เมษายน เพื่อเรียกร้องให้คณะกรรมการสถาบันปรีดี ชะลอการรื้อถอนและเปิดเวทีรับฟังสาธารณะนั้น
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 11 เมษายน ที่หน้าสถาบันปรีดี พนมยงค์ ซอยทองหล่อ กรุงเทพฯ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการปักหลักวันที่ 9 เพื่อบรรลุ 2 ข้อเรียกร้อง
บรรยากาศทั่วไป มีการติดป้ายข้อความ อาทิ “เพื่อชาติและราษฎรไทย” “คณะกรรมการอยู่ไหนทำไมไม่ตอบ” “save สถาบันปรีดี |||” “อย่าพึ่งรื้อ หารือก่อน” โดยรอบของเวที
เวลา 08.45 น. สมาชิกทะลุฟ้าทำกิจกรรม โฉบข่าวทะลุฟ้า โดยกล่าวอัพเดตสถานการณ์บ้านเมือง และเน้นย้ำว่าเราอยู่กับโควิด-19 เป็นปีที่ 3 แล้ว ล่าสุดมีโควิคสายพันธุ์ใหม่ คือสายพันธุ์ XE อีกด้วย
จากนั้นร่วมกันร้องเพลงหัวใจเสรี เนื้อหากล่าวถึงการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ที่จะขอยืนหยัดสู้ ไม่ว่าผลสุดท้ายจะเป็นอย่างไร
กระทั่งเวลา 09.10 น. นายธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือปูน ทะลุฟ้า ขึ้นเวทีเผยถึงความคืบหน้าว่า ล่าสุดสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้ส่งตัวแทนมารับหนังสือ พร้อมกับตอบรับว่าจะมีการชะลอการรื้อถอนตัวอาคารโครงสร้างสถาบัน และเปิดเวทีสาธารณะเพื่อรับฟังเสียงประชาชน
“9 วันที่เราปักหลักมาเราบรรลุข้อเรียกร้องแล้ว เราเห็นผลแล้ว” นายธนพัฒน์กล่าว โดยผู้ชุมนุมส่งเสียงเฮ และกรูออกมายืนหน้าเวที เพื่อเป็นสักขีพยานการในการรับหนังสือจากตัวแทนมูลนิธิด้วยความตื่นเต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มูลนิธิสถาบันปรีดี พนมยงค์ ได้ส่งตัวแทนเข้ารับจดหมายเปิดผนึก และตอบรับ 2 ข้อเรียกร้องของแนวร่วม พร้อมทั้งยืนยันว่าจะร่วมออกแบบเวทีพูดคุยสาธารณะร่วมกัน
นายธนพัฒน์กล่าวต่อว่า ตอนนี้แนวร่วมราษฎรปกป้องสถาบันปรีดีบรรลุข้อเรียกร้องแล้ว นอกจากวันนี้แล้ววันต่อๆ ไปถ้ามีอะไรอัพเดตเพิ่มเติม เราจะเผยแพร่ผ่านทางแฟนเพจเฟซบุ๊ก ขอให้ติดตามอย่างใกล้ชิด
ด้าน พี ทะลุฟ้า กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น เราได้รับการตอบกลับข้อเรียกร้องแล้ว จะมีการชะลอรื้ออาคาร โดยจะมีการเปิดเวทีสาธารณะด้วย ขอบคุณที่มาร่วมชุมนุมปักหลักด้วยกันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้
“มันเกิดจากการที่พวกเรา คนตัวเล็กๆ รวมตัวกัน ออกมาเคลื่อนไหว สร้างสรรค์สังคม เรียกร้องจนประสบความสำเร็จ” พี ทะลุฟ้า กล่าว
ด้าน ต้นอ้อ กลุ่มเฟมินิสต์ปลดแอก และ Demhope กล่าวแสดงความดีใจ และว่า หลังจากปักหลักมา 9 วัน ตอนกลางคืนก็ร้อน ตอนกลางวันยุงก็เยอะ แต่ทุกคนมีพลังงานล้นเหลือ ตกเย็นก็ทำกิจกรรมร่วมกัน
“การประสบความสำเร็จในครั้งนี้ทำให้รู้สึกใจชื้นจริงๆ เราปักหลักอยู่ที่นี่ 9 วันแล้ว โดยที่ไม่ได้กลับบ้านเลย สิ่งที่เราลงทุน ทำป้าย เวทีที่เราออกแบบ คุ้มค่ามาก” ต้นอ้อกล่าว
จากนั้นเวลาประมาณ 09.20 น. กลุ่มทะลุฟ้าและแนวร่วมปกป้องสถาบันปรีดี ร่วมกันปิดกิจกรรมด้วยการวางดอกกุหลาบขาวหน้าอาคารสถาบันปรีดี เพื่อรำลึกถึงนายปรีดี พนมยงค์ และสื่อว่าได้สานต่อเจตนารมณ์ของปรีดีมาครึ่งทางแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นักกิจกรรมทยอยวางดอกกุหลาบขาว มีการเปิดเพลง “ดอกไม้จะบาน” เป็นฉากหลัง
ก่อนที่นักกิจกรรมจะเดินเข้าไปภายในสวนครูองุ่น เพื่อวางดอกไม้รำลึกบนสุสานของครูองุ่น ซึ่งเป็นผู้มอบที่ดินแห่งนี้ให้กับสถาบันปรีดี
นายธนพัฒน์ หรือปูน กล่าวหน้าสุสานครูองุ่นว่า เรามาวางดอกไม้ให้คุณครูองุ่น เพื่อที่จะขอบคุณคุณครูที่มอบที่ดินนี้เพื่อผองราษฎร
“ถ้าไม่มีครูองุ่น พื้นที่ทำกิจกรรมตรงนี้ก็คงจะไม่ได้สร้าง และถ้าไม่มีการปกป้องสถาบันปรีดี พื้นที่การทำกิจกรรมของคนรุ่นใหม่ หรือว่าพื้นที่ทางประวัติศาสตร์จะหายไปเรื่อยๆ จึงเป็นอีกสิ่งที่ควรจะช่วยกันเป็นหูเป็นตาในการตั้งคำถามถึงการทำงานของมูลนิธิ” นายธนพัฒน์กล่าว
ด้าน นายเอเลียร์ จากกลุ่มศิลปะปลดแอก กล่าวว่า เรามาหาครูองุ่น และอัพเดตให้รู้ว่า การต่อสู้ของเราในการปกป้องสถาบันปรีดีไปถึงไหน และเราทำสำเร็จขั้นหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่สำเร็จที่สุด
“เราพยายามแล้ว และวันนี้มูลนิธิก็ตอบรับข้อเรียกร้องของเรา ข้อแรกคือการชะลอรื้อถอน และข้อที่ 2 คือจะมีการเปิดเวทีสาธารณะให้ทุกคนได้ฟังสิ่งที่จะทำ และได้ตั้งคำถาม อยากให้ครูองุ่นเป็นกำลังใจการต่อสู้ของพวกเราทุกคนต่อไป” นายเอเลียร์กล่าว
จากนั้นผู้ชุมนุมเดินกลับมาที่เวที ก่อนที่ ‘พี ทะลุฟ้า’ จะประกาศยุติการปักหลักหน้าอาคารหน้าสถาบันปรีดี พร้อมทั้งกล่าวขอบคุณที่ปักหลักอยู่เคียงข้างกัน ขอบคุณผู้ที่นำน้ำดื่ม อาหารมาให้ หรือแวะเข้ามาพูดคุยให้กำลังใจ ไปจนถึงกระจายข่าวสารให้กับการเคลื่อนไหวครั้งนี้
โดยผู้ชุมนุมร่วมกันเปล่งเสียงทิ้งท้ายว่า “ปกป้องสถาบันปรีดี” 3 ครั้ง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รัวกลอง เดินขบวนทวงคำตอบ ‘แนวร่วมราษฎร’ แถลงจี้มูลนิธิ ชะลอรื้อถอน ‘สถาบันปรีดี’