ดีเดย์วันนี้! พท.ปักธงโคราช ลุยหาสมาชิก ‘ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม’ กางแผนเดินสายทั่วประเทศ เม.ย.-พ.ค.
เมื่อวันที่ 11 เมษายน ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค พท. และนายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค พท. ร่วมกันแถลงถึงความคืบหน้าโครงการครอบครัว พท.ปักธงทั่วประเทศ
นพ.ชลน่านกล่าวว่า พรรค พท.คือบ้านหลังใหญ่ที่มีหัวใจไม่เปลี่ยนแปลงจากพรรคไทยรักไทย (ทรท.) สู่พรรคพลังประชาชน และพรรค พท. ในวันนี้ที่พี่น้องประชาชนต้องทุกข์ยากอย่างแสนสาหัสจากความบกพร่องผิดพลาด และไร้ศักยภาพของรัฐบาลนี้ พรรค พท.พร้อมที่จะยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชน เป็นบ้านหลังใหญ่ ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนให้กลับมาอยู่ดีกินดีอีกครั้งหนึ่ง พรรค พท.มุ่งมั่นที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อคืนประชาธิปไตย คืนความหวัง ความฝัน โอกาส และคืนอนาคตให้พี่น้องประชาชน จึงได้กำหนดให้ตัวแทนของพรรคทั่วประเทศลงพื้นที่รับฟังปัญหาความเดือดร้อนและความคิดความเห็นของพี่น้องประชาชน ภายใต้กิจกรรม ‘ครอบครัวเพื่อไทย บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม’ เพื่อเป็นการระดมพลังความร่วมมือในการนำไปสู่การสร้างความเปลี่ยนแปลง คืนชีวิตที่ดีกว่าและอนาคตของพี่น้องประชาชน
นพ.ชลน่านกล่าวว่า สำหรับกิจกรรมครอบครัว พท. บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิมนั้นจะเป็นการลงพื้นที่ทั่วประเทศตลอดเดือนเมษายนและพฤษภาคม ภายใต้กรอบแนวคิด ‘เข้าถึงตัว เข้าถึงใจ ห่วงใยกัน’ เริ่มต้นที่จังหวัดนครราชสีมาในวันที่ 12 เมษายนเป็นแห่งแรก จากนั้นจะเดินสายจังหวัดในพื้นที่ภาคกลาง พร้อมกันกับตัวแทนของพรรคเพื่อไทยในจังหวัดต่างๆ ก็จะจัดกิจกรรม ‘ครอบครัวเพื่อไทย’ คู่ขนาน เปิดรับฟังปัญหา ความเดือดร้อน สะท้อนความคิดความเห็นและเปิดรับสมัครสมาชิกครอบครัวเพื่อไทยไปพร้อมกันด้วย จึงขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นสมาชิกครอบครัว พท. มีส่วนร่วมในบ้านหลังใหญ่ในการสร้างความเปลี่ยนแปลง คืนประชาธิปไตย คืนความหวัง ความฝัน คืนชีวิตและอนาคตที่ดีกว่าให้พี่น้องประชาชนด้วยกัน
นายประเสริฐกล่าวว่า สำหรับวันที่ 12 เมษายนนี้ จะจัดกิจกรรม ‘Welcome Home ครอบครัว พท. ห่วงใยกัน’ ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อต้อนรับพี่น้องประชาชนที่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงเทศกาลสงกรานต์ จากนั้นเราได้กำหนดจัดกิจกรรมในพื้นที่จังหวัดต่างๆ เพื่อเปิดโอกาสให้มีการพบปะพี่น้องประชาชนกลุ่มต่างๆ ทั้งกลุ่มพ่อค้าแม่ค้าที่กำลังเผชิญวิกฤตเศรษฐกิจ หรือกลุ่มพี่น้องแรงงาน ในสถานการณ์ที่ค่าแรงต่ำแต่ค่าครองชีพสูง และรัฐบาลชุดนี้ไม่สามารถแก้ไขได้ รวมไปถึงการพบปะพี่น้องประชาชนเพื่อพูดคุยในมิติของปัญหาสุขภาพ คุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ ซึ่งเป็นผลกระทบจากการที่รัฐบาลบริหารจัดการโรคระบาดผิดพลาดจนต้องเผชิญกับวิกฤตโรคระบาดและวิกฤตสุขภาพมาตลอดเวลาที่ผ่านมา
