กมธ.ศาล แนะ รฟม.ทบทวน-ตรวจสอบให้รอบคอบ หากจะเปิดประมูลสายสีส้มใหม่

กมธ.ศาล แนะ รฟม.ทบทวน-ตรวจสอบให้รอบคอบ หากจะเปิดประมูลสายสีส้มใหม่ เผย สศช. ระบุ หากปี’68 สร้างไม่เสร็จ หวั่นรัฐต้องชดใช้ค่าเสียหายกว่า 4 หมื่นล.

เมื่อเวลา 13.20 น. วันที่ 12 เมษายน ที่รัฐสภา นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) กิจการศาล องค์กรอิสระ องค์กรอัยการ รัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน และกองทุน สภาผู้เเทนราษฏร แถลงภายหลังการประชุมกมธ. ว่า วันนี้กมธ.มีเรื่องพิจารณา ดังนี้ 1.เรื่องที่มีผู้ร้องเรียนกรณีการประปาภูมิภาคไปทำสัญญากับเอกชน และถูกกล่าวหาว่าไม่มีใบสัญญาสัมปทาน และมีความพยายามที่จะวิ่งคดี ทั้งนี้ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา กมธ.ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่จ.ภูเก็ต และจ.พังงา พบว่าหลายบริษัทไม่มีใบสัมปทาน และมีคดีถูกฟ้องร้องที่ศาลภูเก็ตไปเรียบร้อย จากนั้นก็ไปขอออกใบสัมปทาน ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้จะถูกนำไปสู่การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ส่วนรายละเอียดจะเป็นอย่างไรนั้นต้องรอติดตาม

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า 2.เรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีการล้มประมูลไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ล่าสุดมีความพยายามที่จะเปิดประมูลใหม่อีกครั้งหนึ่ง แต่ยังมีคดีความที่น่าสนใจและต้องพิจารณาต่อไปว่า หากเปิดประมูลไปแล้วมีการเพิกถอน หรือฟ้องร้องเป็นคดีอีก การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะสามารถดำเนินการที่จะนำไปสู่การเดินรถได้หรือไม่ เนื่องจากการวิ่งรถจากมีนบุรีไปที่ศูนย์วัฒนธรรมนั้น ขณะนี้กำลังจะก่อสร้างแล้วเสร็จ แต่ปัญหา คือ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ผู้ประมูลรายใหม่ต้องเดินรถตั้งแต่มีนบุรีไปจนถึงบางขุนนนท์ แต่ขณะนี้การดำเนินงานโดยรฟม. มีแค่การเดินรถจากมีนบุรีถึงศูนย์วัฒนธรรมเท่านั้น โดย กมธ.มีความเห็นว่าให้รฟม.ทบทวนและดำเนินการตรวจสอบให้มีความรอบคอบ เนื่องจากหากมีคำวินิจฉัยและคำพิพากษาออกมาในอนาคต อาจจะต้องเป็นโมฆะอีกครั้งหนึ่ง นอกจากนี้ กมธ.ยังได้สอบถามไปที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ซึ่งได้รับการชี้แจงว่าหากก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มไม่ทันภายในปี 2568 ประเทศชาติจะต้องเสียค่าเสียหายประมาณ 42,000 ล้านบาท และส่งผลต่อการเดินทางกับผู้ที่อยู่คอนโดบริเวณนั้น

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า 3.มีการพิจารณาการควบรวมกิจการของบริษัทโทรคมนาคมแห่งชาติ ที่มีหุ้นอยู่ในบริษัททรูและดีแทค ซึ่งกมธ.ได้ให้ข้อสังเกตและติดตามตรวจสอบว่า การควบรวมนั้นสามารถทำได้หรือไม่ เนื่องจากมีเรื่องเงินที่เกี่ยวข้องกับกองทุนส่วนราชการเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย และ 4.กรณีท่อก๊าซของบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน ที่บริเวณข้าง สภ.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เกิดระเบิดเมื่อปลายปี 2563 ที่ผ่านมา ขณะนี้มีความคืบหน้าว่า ปตท.จำเป็นที่จะต้องชี้แจงด้วยเอกสารว่า ท่อก๊าซที่ฝังอยู่บนถนนกว่า 4,000 กิโลเมตรมีความปลอดภัยหรือไม่อย่างไร และจะดำเนินการแบบไหนอย่างไร เนื่องจากหาตัวผู้กระทำความผิดไม่ได้และข้อมูลยังย้อนแย้งกัน โดยส่วนหนึ่งบอกว่าท่อระเบิดจากข้างใน แต่อีกส่วนหนึ่งบอกว่ามีคนไปทำให้ระเบิด แต่ไม่ว่าจะเกิดแบบใดก็ตามประชาชนอยู่ในความเสี่ยง โดยกมธ.และฝ่ายค้านจะดำเนินการตรวจสอบต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image