“บิ๊กป้อม” แจง ครม. มีความพยายามยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบ ชี้รวบแกนนำหวั่นเกิดเหตุปะทะ ไม่อยากให้กลับสู่วังวนเดิม ขู่พวกกุข่าวในโซเซียล โยงคนรบ.เอี่ยวทุจริตราชภักดิ์ จับได้ถูกดำเนินคดีตามกม.
เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. เวลา 13.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) แทนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ติดภารกิจเยือนต่างประเทศ ถึงเรื่องความมั่นคงว่า
รองนายกฯ เล่าให้ที่ประชุมครม.ทราบว่า ปัจจุบันมีความพยายามของกลุ่มการเมืองและแกนนำบางกลุ่มพยายามยุยง ปลุกปั่น สร้างกระแสให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย อย่างกรณีแกนนำบางกลุ่มต้องการลงพื้นอุทยานราชภักดิ์ ทั้งที่ปกติประชาชนสามารถเดินทางไปสักการะได้ตามปกติเพราะเป็นพื้นที่เปิด แต่สิ่งที่แกนนำกลุ่มนี้พูดเป็นลักษณะการลงไปตรวจสอบ ทั้งที่ความจริงแกนนำกลุ่มนี้ไม่สามารถตรวจสอบได้เพราะไม่ได้มีหน้าที่ อีกทั้งต้องมีหลักฐานและเอกสารในการตรวจสอบ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวอีกว่า พฤติกรรมที่เกิดขึ้นจึงเข้าข่ายยุยง ปลุกปั่น ให้เกิดความสับสนแก่ประชาชน และพยายามใช้คำพูดให้เห็นว่ามีการทุจริตในโครงการ ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมายังไม่มีหน่วยงานใดรายงานว่ามีการทุจริตเกิดขึ้น ทุกหน่วยงานต้องดำเนินการโปร่งใส ตรวจสอบได้ตามที่นายกฯ สั่งการ หน่วยงานใดที่อยู่นอกกระทรวงกลาโหมแต่มีอำนาจหน้าที่ในการตรวจสอบและประสงค์ที่จะตรวจสอบโครงการฯ สามารถแจ้งมาที่กระทรวงฯได้ ซึ่งกระทรวงฯยินดีที่จะให้การตรวจสอบอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม หากติดตามข่าวสาร จะพบว่ามีประชาชนอีกกลุ่มเตรียมตั้งรับแกนนำกลุ่มดังกล่าวอยู่อาจเกิดการปะทะขึ้นได้ ฉะนั้นหน่วยงานด้านความมั่นคงไม่สามารถปล่อยให้เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นจึงจำเป็นต้องเชิญแกนนำทั้ง 2 คน ไปพูดคุยทำความเข้าใจ และขอให้หยุดพฤติกรรมดังกล่าว เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติ
“หากปล่อยให้เกิดการเผชิญหน้าที่อุทยานราชภักดิ์ก็จะย้อนไปเหมือนเหตุการณ์วันที่ 22พฤษภาคม 2557 ซึ่งนายกฯ ได้ส่งข้อความถึงฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องว่าประชาชนเจ็บปวดกับเหตุการณ์ก่อนวันที่ 22 พฤษภาคมมาพอสมควรแล้ว กว่าจะก้าวผ่านมาได้ต้องผ่านมาหลายเรื่อง ฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถให้ประเทศกลับไปสู่วังวนดังกล่าวได้ และขอให้ประชาชนบริโภคข้อมูลข่าวสารให้ดี แยกแยะว่าเรื่องใดเป็นความพยายามที่ทำให้เกิดความสับสน ขณะที่กระแสต่างๆ ในโซเชียลมีเดียที่ให้ข้อมูลเท็จ ปลุกปั่นเชื่อมโยงคนในรัฐบาลกล่าวหาว่ามีส่วนทุจริต หากตรวจสอบได้จะต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย” พล.ต.สรรเสริญ กล่าว
