‘วิษณุ’เคาะแก้รธน.57 จ่อชง’บิ๊กตู่’ใช้ม.44 ออกกม.หยั่งเสียง คาดลงประชามติ 31ก.ค.

 

เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการหารือถึงการจัดทำประชามติร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กระทรวงมหาดไทย สำนักงบประมาณ สำนักงานกฤษฎีกา และบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด รวมถึงนายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ที่ประชุมมีผลสรุปเห็นว่าเรื่องนับคะแนนเสียงประชามติ ตามมาตรา 37 และมาตรา 37/1 ที่มีความขัดแย้งกัน ซึ่งมาตราดังกล่าวในการออกเสียงประชามตินับจากผู้มีสิทธิออกเสียงเกินครึ่งของผู้มีสิทธิออกเสียง จำนวน 50 ล้านคน และครึ่งหนึ่งออกผู้ออกเสียง คือจำนวน 25 ล้านคน ซึ่งไม่รู้ว่าใครที่ไม่ออกมาใช้สิทธิจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ โดยขณะนี้ยังหาข้อสรุปไม่ได้ ดังนั้นต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวในประเด็นดังกล่าว รวมถึงแก้ไขบางประเด็นอื่นๆ ด้วย ตนไม่สามารถตอบได้ว่าจะแก้ไขประเด็นใดบ้าง เนื่องจากมีแก้ไขประเด็นผูกพันอีกหลายมาตรา รวมถึงประเด็นการตั้งคำถามพ่วงประชามติด้วย

นายวิษณุกล่าวอีกว่า กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว คาดว่าจะต้องดำเนินการภายใน 1-2 วัน และจะสรุปให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ได้รับทราบต่อไป ซึ่งกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะแล้วเสร็จภายใน 1 เดือน ขณะเดียวกันที่ประชุมไม่ได้หารือถึงกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะมีทางออกอย่างไร เนื่องจากที่ประชุมพิจารณาเพียงกรอบทำให้ประชามติเกิดความเรียบร้อย เป็นธรรม และไม่เป็นปัญหา เพราะไม่ใช่ผู้กำหนดนโยบาย

นายวิษณุกล่าวว่า เรื่องการพิมพ์และแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญร้อยละ 80 ของจำนวนครัวเรือน ได้ตัวเลขจำนวน 18.6 ล้านครัวเรือน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายถึง 4,200 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นค่าใช้จ่ายเจ้าหน้าที่ 900 ล้านบาท ค่าจัดพิมพ์ 800-1,000 ล้านบาท และงานอื่นๆ เกี่ยวกับการเผยแพร่ จัดเวที ธุรการ 2,400 ล้านบาท ซึ่งไม่เป็นที่เหมาะสม หากประเทศไทยยังมีการสนับสนุนให้ทำประชามติบ่อยครั้ง โดยที่ประชุมให้แนวทาง กกต.ลดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขในประเด็นแจกจ่ายร่างรัฐธรรมนูญกว่าร้อยละ 80 ซึ่งในต่างประเทศไม่ได้กำหนดให้มีการพิมพ์แจกมากขนาดนั้น และมีการใช้อินเตอร์เน็ต สื่อโซเชียลมีเดีย และจากประสบการณ์พบว่าไม่มีคนอ่านร่างรัฐธรรมนูญ บางส่วนอ่านแล้วไม่เข้าใจ จึงต้องหาวิธีคิดให้ประชาชนเข้าถึงได้รวดเร็วและง่ายต่อการอ่าน แต่ยังไม่มีข้อสรุปแต่อย่างใด

นายวิษณุกล่าวว่า ส่วนวันลงประชามติกำหนดไว้วันอาทิตย์ที่ 31 กรกฎาคม แต่อาจจะช้าหรือเร็ว 1 สัปดาห์วัน และขยายปิดหีบตั้งแต่ 08.00-16.00 น. ซึ่งการขยายถือเป็นการค่าตอบแทนให้กับเจ้าหน้าที่เพิ่มเติม อีกทั้งกฎเกณฑ์และบทลงโทษเกี่ยวกับการทำประชามติยังไม่ชัดเจน ที่ประชุมจึงมอบหมายให้ กกต.ยกร่างหลักเกณฑ์ดังกล่าวมาให้รัฐบาลก่อน อาจจะใช้ ม.44 หรือ พ.ร.ก. หรือ พ.ร.บ. หรือประกาศเช่นเดิม แต่ต้องร่างให้แล้วเสร็จ เพราะต้องสอดคล้องกับรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ขณะที่การรณรงค์ออกเสียงประชามติจะต้องใช้มาตรการเดียวกันกับการออกเสียงการเลือกตั้ง แต่จะหลอกลวง บังคับ ขู่เข็ญ บิดเบือนเป็นเท็จไม่ได้ โดยยังแสดงความคิดเห็นได้ แต่ต้องอยู่ในกรอบความสงบเรียบร้อย คัดค้านได้ แต่ต่อต้านไม่ได้ ซึ่งที่ประชุมได้มอบหมายให้ กกต.จัดเวทีหากไม่เห็นด้วย

ADVERTISMENT