ป.ป.ช.-ก.ยุติธรรม จับมือลงนาม 6 ข้อตกลง ‘คุ้มครองช่วยเหลือพยาน’
เมื่อวันที่ 19 เมษายน ที่กระทรวงยุติธรรม สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ร่วมกับกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือเพื่อให้ความคุ้มครองช่วยเหลือพยาน โดยมี นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. และนายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้ลงนาม
นายนิวัติไชย และโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเผยว่า การจัดลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการปฏิบัติและประสานงานการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือพยาน ในครั้งนี้เพื่อให้เกิดการบูรณาการความร่วมมือในการดำเนินการภารกิจงานคุ้มครองช่วยเหลือพยานตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 และระเบียบคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติว่าด้วยการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน พ.ศ.2562 ประกอบพระราชบัญญัติคุ้มครองพยานในคดีอาญา พ.ศ.2546 ให้มีประสิทธิภาพและสัมฤทธิผล ยึดในหลักการการรักษาความลับ การดำเนินงานที่รวดเร็ว และรักษาสิทธิของพยานและผู้ร้องขอเป็นสำคัญ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับบุคคลที่จะมาเป็นพยานในคดีทุจริต
นายนิวัติไชยกล่าวว่า สำหรับบันทึกข้อตกลงความร่วมมือฯ มีสาระสำคัญ คือ 1.การปฏิบัติและประสานงานการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ดำเนินการในกรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่าคดีใดสมควรจัดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือแก่พยานให้สำนักงาน ป.ป.ช. หรือมีความจำเป็นเร่งด่วนต้องจัดให้มีมาตรการคุ้มครองช่วยเหลือผู้ร้องขอทันที เพื่อประโยชน์ในการคุ้มครองความปลอดภัยผู้ร้องขอหรือพยาน
2.หน่วยประสานงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ให้สำนักงานคุ้มครองพยาน และสำนักงาน ป.ป.ช. ให้สำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นหน่วยประสานงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน เพื่อให้เกิดความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพในการประสานและปฏิบัติงานร่วมกัน
3.หลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าตอบแทนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินการคุ้มครองช่วยเหลือผู้ร้องขอหรือพยาน รวมตลอดถึงเจ้าหน้าที่ในการดำเนินการคุ้มครองช่วยเหลือพยานตามมาตรการทั่วไปและมาตรการพิเศษ ให้เบิกจ่ายจากงบประมาณของสำนักงาน ป.ป.ช. ทั้งนี้ เป็นไปตามระเบียบกระทรวงยุติธรรมว่าด้วยค่าตอบแทนและค่าใช้จ่าย แก่พยาน สามี ภริยา ผู้บุพการี ผู้สืบสันดานของพยาน หรือบุคคลอื่นที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพยานในคดีอาญา พ.ศ.2547 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
4.การรายงานผลการดำเนินงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน สำนักงาน ป.ป.ช. จะให้ความร่วมมือกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพในการรายงานผลและสถิติเกี่ยวกับการดำเนินการให้ความคุ้มครองช่วยเหลือพยาน รวมตลอดถึงข้อมูลการใช้จ่ายงบประมาณ ทุก 6 เดือน เพื่อให้มีข้อมูลและสถิติในการประเมินผลการดำเนินงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน ซึ่งจะนำไปสู่การพัฒนาระบบการคุ้มครองช่วยเหลือพยานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
5.การปฏิบัติและประสานงานในกรณีเรียกคืน หรือชดใช้ค่าตอบแทนหรือค่าใช้จ่าย ในการคุ้มครองช่วยเหลือพยาน หากปรากฏในภายหลังว่าพยานไม่มา ไม่ให้ถ้อยคำ หรือไม่เบิกความเป็นพยาน โดยไม่มีเหตุสมควร หรือมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษพยานในความผิดฐานแจ้งข้อความอันเป็นเท็จ ความผิดฐานเบิกความอันเป็นเท็จในการพิจารณาคดีต่อศาล หรือความผิดฐานทำพยานหลักฐานอันเป็นเท็จในคดีที่บุคคลนั้นเป็นพยาน ให้สำนักงาน ป.ป.ช. ประสานกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพทราบโดยเร็ว เพื่อจะได้ดำเนินการเรียกให้พยานนั้นคืน หรือชดใช้ค่าตอบแทนหรือคืนหรือชดใช้ค่าใช้จ่ายในการคุ้มครองช่วยเหลือพยานและบุคคลอื่นแล้วแต่กรณีที่รัฐได้จ่ายไปจริงต่อไป
6.การให้ความร่วมมือและสนับสนุนบุคลากรในการเข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรคุ้มครองช่วยเหลือพยาน การสนับสนุนการพัฒนาบุคลากรร่วมกัน เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เสริมสมรรถนะ พัฒนาทักษะและความเชี่ยวชาญในการปฏิบัติงานคุ้มครองช่วยเหลือพยาน และในกรณีที่หน่วยงานใด มีการจัดการฝึกอบรมและดูงานที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองช่วยเหลือพยานจะแจ้งรายละเอียดการฝึกอบรมให้อีกหน่วยงานหนึ่งทราบ เพื่อจัดส่งพนักงานเจ้าหน้าที่สำนักงานคุ้มครองพยาน หรือสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ ในฐานะหน่วยประสานงานคุ้มครองช่วยเหลือพยานเข้าร่วมการฝึกอบรม