ผ่านไปแล้วกับเทศกาลสงกรานต์ 2565 ก้าวสู่ศักราชใหม่อย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันความเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในแง่มุมการเมืองยังต้องจับตา เมื่อ กลุ่ม “วีโว่” (We Volunteer) “ทะลุฟ้า” และแนวร่วมจับมือแถลงการณ์ มอบนิยาม “สงกรานต์” คือ “การผลิบานครั้งใหม่” ตั้งขบวน “สงกรานต์มหาซน” บนถนนราชดำเนิน ในวันมหาสงกรานต์ 13 เมษายนที่ผ่านมา แห่จากสะพานผ่านฟ้า มุ่งหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยในปีนี้ไม่มีการเล่นแป้ง “ปาสีใส่ประยุทธ์” จากสะพานชมัยมรุเชฐสู่ทำเนียบรัฐบาลเหมือนปีที่ผ่านมา
ทว่า เน้นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ รดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตย ทุ่มเทปีนป่ายก่อนชักรอกน้ำใสลอยด้วยดอกกุหลาบรดสรงบน “พานแว่นฟ้า” ที่ประดิษฐานประติมากรรมสมุดข่อยจดจารรัฐธรรมนูญไทย
ไม่เพียงเท่านั้น ยังจัดพานทองบรรจุ “หมุดคณะราษฎร” จำลอง ให้ผู้ร่วมกิจกรรมต่อแถวรดน้ำอย่างคึกคัก
ธนพัฒน์ กาเพ็ง หรือ ปูน ทะลุฟ้า ตัดริบบิ้นเปิดงาน ชู 3 นิ้วท่ามกลางเสียงโห่ร้อง อ่านสารประกาศการผลิบานครั้งใหม่ ยอมรับว่าในปีที่ผ่านมาต้องบอบช้ำจากการต่อสู้ แต่ไม่ว่าอย่างไร คนรุ่นใหม่ก็ “ไม่ยอมแพ้”
“เรามารดน้ำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย รดน้ำเมล็ดพันธุ์แห่งประชาธิปไตยในประเทศของเราให้เบิกบาน เพื่อลูกหลานของเราทุกคน ปลูกฝังต้นกล้าแห่งประชาธิปไตยให้ได้เจริญงอกงามในประเทศนี้ อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเป็นสัญลักษณ์ทางอุดมการณ์และเจตนารมณ์ เป็นสถานที่ทางประวัติศาสตร์มากมาย ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ตั้งแต่อภิวัฒน์สยาม 2475 จนถึงปัจจุบันที่มีการสลายการชุมนุม ณ สถานที่แห่งนี้มากมาย
“นับเป็นฤกษ์งามยามดี ที่พวกเรามาร่วมรดน้ำสงกรานต์ ณ สถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์แห่งนี้ เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 90 ปีที่ผ่านมา อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยผ่านร้อนผ่านหนาวมานับครั้งไม่ถ้วน การรดน้ำให้อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยในครั้งนี้ ถือเป็นการชำระล้างสิ่งสกปรกต่างๆ ทางประวัติศาสตร์ เพื่อเป็นสัญญาณในการเริ่มต้นการผลิบานครั้งใหม่ของประชาธิปไตยไทย” ปูน ทะลุฟ้า กล่าวเบื้องหน้าอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
ในขณะที่ ปิยรัฐ จงเทพ หรือ โตโต้ แกนนำกลุ่มวีโว่ เชื่อมโยงขนบการชำระล้างทำความสะอาดบ้านเรือนตามความเชื่อในช่วงสงกรานต์มาสู่การ ชำระล้าง “คราบไคลเผด็จการ” และสิ่งสกปรกต่างๆ จากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย พร้อมประกาศสืบสานภารกิจของ “ราษฎร” ที่ยังไม่เสร็จสิ้นให้สมบูรณ์ในเร็ววัน
“เราจะหวงแหน ปกป้อง และสดุดีความสวยงามเชิงวัฒนธรรมนี้ ให้อยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน ดังนั้น วันนี้เราจะร่วมกันแสดงออกถึงการรักษาปกป้องอนุสรณ์สถานประชาธิปไตยแห่งนี้ อย่างสุดกำลังและความสามารถ ผมจะขอเป็นตัวแทนเชิญชวนพวกเรา ร่วมด้วยช่วยกันมาปัดกวาด ล้างและทำความสะอาดสถานที่ทางประวัติศาสตร์ของประชาชนแห่งนี้ด้วยกันหลังจากตลอดปีที่ผ่านมาเราเหนื่อยมามากแล้ว และที่แห่งนี้ ก็คงบอบช้ำไม่น้อยไปกว่ากัน” โตโต้ประกาศ
ต้นอ้อ จากกลุ่ม “เฟมินิสต์ปลดแอก” หนึ่งในทีม “เต้นสีดาลุยไฟ” หน้าพรรคประชาธิปัตย์จี้สอบสวนพฤติกรรมทางเพศเมื่อ 18 เมษายนที่ผ่านมา คืออีกหนึ่งผู้ร่วมชูประเด็นข้อเรียกร้องของแนวร่วมราษฎรในสงกรานต์ 65 ที่ย้ำว่ายังยืนยันและยืนหยัดเช่นเดิม แม้เปลี่ยนสู่ศกใหม่ ก็ไม่มีวันแปรเปลี่ยน
ถัดมา 15 เมษายน งาน “Songkran Thalufah” ณ Cartel Artspace นราธิวาสราชนครินทร์ 22 กรุงเทพฯ จตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือ ไผ่ ดาวดิน ปรากฏตัวพร้อมปืนฉีดน้ำรูป “เป็ดน้อย” สีเหลืองสดที่กลายเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของแฟลชม็อบคนรุ่นใหม่ ไม่มีการปราศรัย เน้นการเถลิงศกใหม่ด้วยความบันเทิงโดยมีฉากหลังคือ นิทรรศการศิลปะสะท้อนความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย เริ่มต้นที่การตั้งคำถาม จนถึงวันเดินหน้าต่อสู้เพื่อคนเท่ากัน
ในงานดังกล่าว แกนนำม็อบคนรุ่นใหม่ที่คุ้นหน้าคุ้นตาพากัน “รดน้ำดำหัว” ยกมือประนมก้มไหว้ขอพรจากผู้อาวุโสที่ “สู้มาก่อน” ป้าๆ ทั้ง “เสื้อแดง” และไม่ระบุสีเสื้อ แต่จุดยืนเด่นชัดว่า “ไม่เอาเผด็จการ” เล่นสงกรานต์กับเยาวชนอย่างสนุกสนานบนพื้นที่ศิลปะซึ่งในภาวะปกติไม่ใช่จุดแฮงเอาต์ของเหล่า สว. (ผู้สูงวัย)
บทเพลงหลากหลายทั้งแร็พ หมอลำ ลูกทุ่ง จนถึงดีเจเปิดแผ่น และถ้อยคำทำนองสื่อถึงการต่อสู่เพื่อประชาธิปไตยประสานเสียงผสมผสานในงานฉลองสงกรานต์ของคนรุ่นใหม่ที่มีคนรุ่นเก่ากว่า แต่เจตนารมณ์เดียวกัน เป็นส่วนสำคัญของการประกาศเถลิงศกสู่การผลิบาน
จากสงกรานต์การเมืองในพระนคร ขยับไปดูส่วนภูมิภาค ภาคีนักเรียน KKC ขึงป้ายผ้าชิ้นโตมีข้อความ “สวัสดีปีใหม่ไท ประชาธิปไตยเบ่งบาน” โอบล้อมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น ถนนศรีจันทร์ ชวนชาวหัวใจประชาธิปไตยมา “ม่วนนำกัน” คว้าปืนฉีดน้ำพลาสติกกระหน่ำยิงหุ่นฟางติดภาพใบหน้า “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กป้อม” พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ท่ามกลางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ร่วมเป็นสักขีพยานคึกคักไม่ต่างจากสงกรานต์ (การเมือง) ในกรุงเทพฯ
งานนี้ อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ ครูใหญ่ แห่ง ราษฎรขอนแก่น ไม่พลาด ร่วมสาดมวลน้ำก้อนใหญ่ “ฮดสรง” อนุสรณ์แห่งประชาธิปไตยประจำเมืองใหญ่ของภาคอีสาน
ทรงพล สนธิรักษ์ หรือ ยาใจ ทะลุฟ้า เผยว่า งานนี้เจตนา ไม่ใช้ ย.ยักษ์ หลังคำว่า “ปีใหม่ไท” เพราะต้องการสื่อถึงความหมายว่า “อิสระ” ภายใต้แนวคิดที่ว่า เมื่อคนไทยเชื่อเรื่องรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่เพื่อสิ่งดีๆ ในชีวิต เราเชื่อในประชาธิปไตยจึงรดน้ำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย
“เรารดน้ำอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยขอนแก่น เพราะถูกยึดอำนาจจากทหารและเผด็จการเข้าสู่ปีที่ 8 แล้ว จึงอยากให้สงกรานต์นี้เป็นจุดเริ่มต้นแห่งการงอกเงยของประชาธิปไตยให้เติบโตมากกว่าเดิม” ยาใจ ทะลุฟ้ากล่าว
เป็นการสาดน้ำสงกรานต์ในเชิงสัญลักษณ์เชื่อมโยงการต่อสู้ของคนรุ่นใหม่ที่ยังไม่ยอมแพ้ พร้อมผนึกนักต่อสู้รุ่นก่อนหน้า หวังประชาธิปไตยที่ไม่ตั้งมั่นได้เบ่งบานฝังรากลึกในสังคมที่คนเท่ากัน ไม่วันใดก็วันหนึ่ง
