หน้า 3 วิเคราะห์ : พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน เปิดหน้าชัด-โชว์จุดขาย จัดทัพขุนพลสู้เลือกตั้ง

หน้า 3 วิเคราะห์ : พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน เปิดหน้าชัด-โชว์จุดขาย จัดทัพขุนพลสู้เลือกตั้ง

พรรครัฐบาล-ฝ่ายค้าน

เปิดหน้าชัด-โชว์จุดขาย

จัดทัพขุนพลสู้เลือกตั้ง

การเมืองเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน ที่พูดอย่างมั่นอก มั่นใจว่าจะอยู่ในอำนาจปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระถึงเดือนมีนาคม 2566 เอาเข้าใจจริง เมื่อเหตุและปัจจัยเปลี่ยน

Advertisement

การเมืองที่ว่าชัวร์ ไม่มีอะไรมาทำให้แยกจากกันได้ นอกเสียจากความตาย ย่อมไม่แน่เสมอไป อาจต้องปิดฉากก่อนครบกำหนดได้เหมือนกัน

ในทางการเมืองการตั้งอยู่บนความไม่ประมาท และเตรียมความพร้อม จึงเป็นสิ่งที่ขุนพลของทุกพรรคการเมืองต้องพึงตระหนักไว้เสมอ

เหมือนกับพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) ที่จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 1/2565 เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่

Advertisement

เปิดหน้าผู้นำและแกนนำพรรคที่จะมาขับเคลื่อนทางการเมืองให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น โดยที่ประชุมคัดเลือก นายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นั่งเป็นหัวหน้าพรรค สอท. โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ขับเคลื่อนในตำแหน่งเลขาธิการพรรค

ขณะที่ กก.บห.ทั้ง 16 คน ล้วนมีประสบการณ์ มาจากภาคส่วนต่างๆ อาทิ นายสุรนันทน์ เวชชาชีวะ อดีตเลขาธิการนายกฯ เป็นรองหัวหน้าพรรค นายวิเชียร ชวลิต อดีตปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ อดีตผู้ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นรองหัวหน้าพรรคและผู้อำนวยการพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)

นายสุพล ฟองงาม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นรองหัวหน้าพรรค

พร้อมกับเปิดนโยบายที่เป็นจุดแข็งของพรรค สอท. คือ การฟื้นฟูเศรษฐกิจและการวางรากฐานที่มั่นคงให้กับการพัฒนาประเทศ ผ่านนโยบาย 5 สร้าง

คือ 1.สร้างเศรษฐกิจฐานรากไทยให้เข้มแข็งและทันสมัย 2.สร้างเศรษฐกิจใหม่หรือโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคต 3.สร้างคนและวิทยาการที่พร้อมก้าวสู่สังคมโลกแห่งอนาคต

4.สร้างสังคมที่เป็นธรรมและเกื้อกูล และ 5.สร้างการเมืองที่สร้างสรรค์ เพราะที่ผ่านมาติดกับดักการแย่งชิงอำนาจ คือ เมื่อเข้าสู่อำนาจแล้วก็จะยึดติด และพยายามสืบทอดอำนาจ

ก่อให้เกิดความร้าวฉาน และแบ่งพรรคแบ่งพวก นำไปสู่ภาวะชะงักงันในการบริหารราชการประเทศ

ไฮไลต์สำคัญของพรรค สอท. ที่ตั้งใจสื่อสารทางการเมืองให้มีความชัดเจน ไม่ต้องแปลความ ถอดรหัสอีกต่อไป คือ การเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค

ที่ชื่อ สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ในหลายรัฐบาล เพราะเชื่อมั่นว่าสามารถเป็นผู้นำประเทศในอนาคตได้

โดยจุดแข็งของพรรค สทอ.ที่จะใช้เป็นจุดขายในการเลือกตั้ง คือ แคนดิเดตนายกฯ อย่าง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รวมทั้ง “ทีมเศรษฐกิจ”

เหมือนกับที่นายสนธิรัตน์ยืนยันว่า เพราะสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบันประเด็นเศรษฐกิจสำคัญที่สุด และภูมิใจในทีมเศรษฐกิจของพรรค ที่มีความสามารถในการแก้ไขปัญหาที่พิสูจน์ได้ เพราะปัญหาปัจจุบันใหญ่เกินกว่าที่จะใช้วิธีการลองผิดลองถูก หรือใช้คนที่ไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหาได้หรือไม่

จุดแข็งที่พรรค สอท.เปิดเกมรุกเป็นแต้มต่อทางการเมือง โดยเฉพาะพรรค พปชร. คือ จุดขายของทีมเศรษฐกิจ ที่มี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ในฐานแคนดิเดตนายกฯ

พร้อมกับทีมงานที่รู้มือสอดประสานการทำงานกันเป็นอย่างดี ทั้ง นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค ที่เป็นผู้ริเริ่มนโยบาย

เมื่อครั้งที่ร่วมก่อตั้งพรรค พปชร. เหมือนกับที่ นายอุตตม ประกาศบนเวทีเปิดตัวหลังได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรค สอท.ว่า “ทั้งบัตรประชารัฐที่ใช้อยู่นั้น เราเป็นผู้ริเริ่มคิดขึ้น เราก็อยากจะเข้าไปต่อยอดให้ดีกว่าเดิม รวมถึงแอพพลิเคชั่นเป๋าตัง ระบบพร้อมเพย์ ที่เราเป็นคนริเริ่มใช้ก็ประสบความสำเร็จ และยังใช้เป็นเครื่องมือเยียวยาประชาชนอยู่

ส่วนโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี เราก็เป็นผู้ริเริ่มเพื่อเป็นพื้นที่สนับสนุนการลงทุนทั้งจากภายในและภายนอกประเทศ”

แน่นอนการออกไปจากพรรค พปชร.ของกลุ่มนายสมคิด ทำให้พรรค พปชร.แทบจะไม่ได้มีนโยบายใหม่ๆ ทางด้านเศรษฐกิจ มาเป็น “จุดแข็ง” และ “จุดขาย” ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ร้อนถึงแกนนำพรรค พปชร. ทั้ง นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค พปชร. นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค พปชร. และ นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ในฐานะผู้อำนวยการพรรค พปชร. ต้องออกมาเรียกความเชื่อมั่นถึงความนิยมของพรรค พปชร.ว่ายังมีอยู่ ด้วยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. 10 คน ในจังหวัดต่างๆ หนึ่งในนั้นคือ นายหฤษพล สมจิตรนา หรือ หยอง ลูกหยี ดาราตลก ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลพบุรี เขต 4

พร้อมกับบลั๊ฟกลับพรรค สอท. ผ่านคำยืนยันของ นายสุชาติ ชมกลิ่น ว่า แคนดิเดตนายกฯของพรรค พปชร. ย่อมต้องดีกว่า โดยหัวหน้าพรรค พปชร.ยืนยันจะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งครบทั้ง 400 เขต และถือเป็นเรื่องดีที่มีการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ๆ เปิดตัวคนที่จะมาทำงานแก้ปัญหาให้กับประชาชน และเป็นเรื่องดีที่จะแข่งขันกันเพื่อพัฒนาบ้านเมือง

แข่งกันคิดและทำความดีให้ออกมาในหลายรูปแบบ เพราะประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชน

ขณะที่พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะเบอร์หนึ่ง ของพรรคร่วมฝ่ายค้าน ประกาศความพร้อมผ่านวันประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 ในวันที่ 24 เมษายน เช่นกัน

ภายใต้ชื่องานว่า “แลนด์สไลด์ เพื่อไทย เพื่อคนไทยทุกคน” โดยวางตัวผู้ถ่ายทอดวิสัยทัศน์ไว้คือ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรค พท.และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร นายชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง นายจาตุรนต์ ฉายแสง ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค พท. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พร้อมกับจะประกาศและยืนยันเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งต่อไปของพรรค พท. ในวันประชุมดังกล่าวอีกครั้งว่า พรรค พท.มุ่งมั่นที่จะคืนชีวิตใหม่ให้พี่น้องประชาชน จะเดินหน้าสร้างความเปลี่ยนแปลงเพื่อคืนความหวัง คืนความฝัน คืนโอกาสและอนาคตที่ดีกว่าให้พี่น้องประชาชน จะร่วมกับพี่น้องประชาชนสร้างปรากฏการณ์แลนด์สไลด์

ก้าวสู่เป้าหมายให้ได้ ส.ส. 250 ที่นั่งขึ้นไปในการเลือกตั้งทั่วไปที่กำลังจะมาถึง เพื่อให้ได้เข้าไปผลักดันนโยบายที่สร้างสรรค์และเป็นประโยชน์กับพี่น้องประชาชน

ส่วน “จุดขาย” และ “จุดแข็ง” ของพรรคไหนจะได้เข้าไปอยู่ในใจประชาชน หลังการเลือกตั้งจะได้รู้คำตอบ ว่าใครจะได้ไปต่อหรือพอแค่นี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image