เหมือนกับปัญหาว่าด้วย “คลิป 15 ล้านบาท” จะเป็นเรื่องของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ เหมือนกับปัญหาว่าด้วยพรรครวมไทยสร้างชาติ จะเป็นเรื่องของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์
เห็นได้จาก การยื่นใบลาออกจากกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี เห็นได้จากการยื่นใบลาออกจากพรรครวมไทยสร้างชาติ
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ใครแต่งตั้งให้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี และมอบหมายให้ไปจัดการในเรื่องสลากกินแบ่งราคาแพง
ทั้งๆที่ในความเป็นจริง ใครมอบหมายให้ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ไปเคลื่อนไหวในเรื่องจัดตั้งและรวบรวมผู้คนเพื่อสร้างพรรครวม ไทยสร้างชาติให้เป็นฐานทางการเมือง
ถามว่าคนอย่าง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ดึงคนระดับ นายปองพล อดิเรกสาร ได้หรือ คนอย่าง นายเสกสถล อัตถาวงศ์ ทำให้ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐได้หรือ
ยิ่งตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ยิ่งจำเป็นต้องแต่งตั้งโดยบุคคลซึ่งเป็น”นายกรัฐมนตรี”เท่านั้น
หากมองอย่างเปรียบเทียบ บทบาทของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็ไม่แตกต่างไปจากบทบาทของ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ ในฐานะรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคประชาธิปัตย์
ถามว่า นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ สามารถจัดการให้ตนเองได้เป็นรองหัวหน้าพรรคและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจได้ละหรือ
ก็ต้องยอมรับว่า ตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีและภารกิจ สำคัญๆที่มีบทบาทล้วนผ่านความเห็นชอบมาจากนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา มาแล้วทั้งสิ้น
การถอยร่นของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ไม่ว่าในเรื่องสลากกิน แบ่ง ไม่ว่าในเรื่องของพรรครวมไทยสร้างชาติจึงมีที่มามีที่ไป
และทุกสายตาล้วนมองไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ไม่ว่าการเข้ามาอยู่ในตำแหน่งในรัฐบาล ไม่ว่าการเข้ามาอยู่ในตำ แหน่งใดๆในทางการเมือง นายเสกสกล อัตถาวงศ์ กระทำไปเพื่อ สนองรับต่อแนวทางและนโยบายของผู้ใด
คำตอบเด่นชัดยิ่งว่าเพื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
คำยืนยันของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ในการสำรองพรรครวมไทยสร้างชาติก็เพื่อมิให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ถูกบีบเด่นชัดยิ่ง
เป็นความเด่นชัดในบท”รับใช้”และ”รองรับ”ทางการเมือง