“ในหลวงทรงเป็นนักปราชญ์ นักปฏิบัติในโลกความจริง” ชวน หลีกภัย น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ

หมายเหตุ – นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ ในฐานะที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และได้ถวายงานสนองพระเดชพระคุณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

ผมได้รับโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี 2 ครั้ง ครั้งแรก ปี พ.ศ.2535 เป็นปีที่ 47 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และครั้งที่สอง พ.ศ.2540 เป็นปีที่ 52 ในรัชกาลเดียวกัน ซึ่งในขณะนั้นถ้านับตั้งแต่ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงการปกครองมามีนายกรัฐมนตรีแล้ว 19 คน มีรัฐบาลมาแล้ว 49 ชุด ผมเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 20 เป็นรัฐบาลชุด 50 และชุดที่ 53 และเริ่มต้นยุคสมัยใหม่ที่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้งที่มีอายุน้อยกว่าพระชนมพรรษาในหลวง ข้อมูลนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่าในขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ของเราทรงผ่านประสบการณ์ในการทำงานของรัฐบาลชุดต่างๆ มาเป็นเวลานานเพียงไร

กล่าวได้ว่าไม่มีใครในประเทศไทยที่ผ่านเหตุการณ์ ปัญหาและวิกฤตมามากเท่าพระองค์ พระองค์จึงทรงมองเห็นปัญหาของบ้านเมืองทะลุปรุโปร่ง ทรงตระหนักถึงปัญหาข้อขัดข้องกระบวนการทำงานขององค์กรต่างๆ เป็นอย่างดี จึงมักจะสะท้อนออกมาเป็นพระราชดำรัส พระบรมราโชวาทที่พระราชทานแก่คณะบุคคลและองค์กรต่างๆ รวมทั้งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ว่าทรงปรารถนาจะให้สังคมยึดความถูกต้องชอบธรรมทั้งตามกฎหมายและศีลธรรม ให้ประชาชนเข้าใจในหน้าที่ของตนเองให้กระจ่าง แล้วตั้งใจปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ดีที่สุด

เนื่องจากก่อนมาเป็นนายกรัฐมนตรี ผมเคยดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีในกระทรวงต่างๆ มาก่อน จึงเคยถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถมาแล้ว โดยเฉพาะเมื่อ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้กรุณาไว้วางใจให้ผมดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงศึกษาธิการ ทุกกระทรวงมีงานที่จะทำถวายตามแนวพระราชดำริทั้งสิ้น โดยที่ในหลวงทรงลำดับความสำคัญของปัญหาไปที่พี่น้องเกษตรกร ซึ่งเป็นคนส่วนใหญ่ของประเทศที่ยังมีความยากลำบากกว่ากลุ่มอื่น

Advertisement

ในระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ทำโครงการตามพระราชดำริสำคัญๆ เช่น โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ซึ่งเริ่มโครงการตอนผมเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ผมร่วมลงพื้นที่ด้วย โครงการผ่านรัฐบาลอีก 2 ชุด จนมาสำเร็จเมื่อผมกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 โครงการนี้ทรงให้ความสำคัญติดตามมาก เพราะเป็นโครงการแรกที่ต้องใช้เงินค่าเวนคืนที่ดินแพงกว่าค่าก่อสร้าง เป็นการพิสูจน์แนวทางที่ท่านเคยรับสั่งไว้ ว่าในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง เป็นเรื่องของความมีเหตุผล ไม่ใช่ไม่กล้าทำอะไร แม้โครงการนั้นดูว่าต้องใช้เงินเหมือนขาดทุน แต่ถ้าเป็นการขาดทุนเพื่อกำไร ดังที่พระองค์ท่านเคยรับสั่งว่า Our loss is our gain โครงการนี้เมื่อสร้างเสร็จปีแรกก็เกินคุ้ม เพราะสามารถบรรเทาความเสียหายจากอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สิ่งที่น่าภาคภูมิใจอีกเรื่องคือ โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ 5 ล้านไร่ ตามแนวพระราชดำริเรื่องรักษาธรรมชาติและป่าไม้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ รัฐบาลทำโครงการนี้ โดยไม่ใช้งบประมาณของราชการเป็นหลัก แต่ให้องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐวิสาหกิจและเอกชนรับไปทำ เช่น ปตท. รับไปทำ 1 ล้านไร่ โครงการนี้แม้ไม่เสร็จใน 3 ปี แต่ในที่สุดรัฐบาลต่อๆ มาก็ทำต่อ จนสำเร็จตามเป้าหมาย และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช เสด็จฯไปทรงรับมอบโครงการครั้งแรก 3 ล้านไร่จากรัฐบาล เป็นโครงการแรกที่ทำให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นมากกว่าถูกทำลาย

โครงการให้เด็กดื่มนมสดก็เริ่มทำตามนโยบายของรัฐบาลให้เด็กทั่วประเทศ ตั้งแต่อนุบาล 1 ถึง ป.4 (ปัจจุบันเพิ่มถึง ป.6 สมัยรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี)ได้ดื่มนมสดฟรี เพราะในหลวงทรงริเริ่มสนับสนุนการเลี้ยงโคนมมานานแล้ว โดยความร่วมมือกับรัฐบาลเดนมาร์ก โครงการนี้มีส่วนผลักดันทำให้เยาวชนไทยมีสุขภาพพลานามัยดีขึ้นอย่างชัดเจนในปัจจุบัน เป็นการสนองตอบพระราชประสงค์ในเรื่องคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยตรง

Advertisement

ครั้งหนึ่งระหว่างเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผมตามเสด็จไปเยี่ยมกลุ่มเกษตรกรและสหกรณ์แห่งหนึ่งในภาคเหนือ สหกรณ์แห่งนั้นยังบริหารงานบกพร่อง ผมยังจำข้อความที่ทรงรับสั่งกับผู้บริหารสหกรณ์แห่งนั้นว่า “เงินทุนที่ลงไปนี้เป็นภาษีของประชาชน ถ้าเสียหาย เงินของประชาชนก็เสียหาย” สะท้อนให้เห็นถึงการให้ความสำคัญกับการใช้เงินของแผ่นดินด้วยความซื่อสัตย์

นอกจากเรื่องงานแล้วในหลวงทรงมีความห่วงใยคนอื่นอยู่เสมอ รวมทั้งผู้ร่วมงาน ผมประจักษ์ด้วยตัวเอง ซึ่งโดยปกติแล้วผู้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จะได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า ในระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ระหว่างที่ผมเป็นนายกรัฐมนตรีครั้งแรก ผมไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์นี้ วันหนึ่งเมื่อได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯในเรื่องอื่น ทรงรับสั่งกับผมว่า “คุณชวนยังไม่ได้เครื่องราชฯนี้เลย” ผมกราบบังคมทูลว่า “ข้าพระพุทธเจ้าเป็นนักการเมือง ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์สายสะพาย 4 เส้น ถือเป็นเกียรติยศสูงสุดแล้วพระเจ้าค่ะ เครื่องราชอิสริยาภรณ์ฝ่ายในจุลจอมเกล้า ขอให้พระองค์พระราชทานให้แก่ผู้ที่รับใช้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทก็เหมาะสมแล้ว”

ต่อมาวันหนึ่ง เมื่อผมพ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไปเป็นผู้นำฝ่ายค้านแล้ว ดร.วิษณุ เครืองาม ได้โทรศัพท์มาแจ้งให้ผมเตรียมตัวไปรับเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้า โดย ดร.วิษณุเล่าว่า ในหลวงรับสั่งด้วยพระองค์เองว่า “ให้คุณชวนเขาด้วย เขายังไม่ได้”

image

ผมเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่หลายปีด้วยกัน จึงมีโอกาสได้ตามเสด็จและเข้าเฝ้าฯอยู่หลายครั้ง บางครั้งได้รับอนุญาตให้ร่วมโต๊ะเสวย จึงมีโอกาสได้รับฟังข้อเท็จจริงเหตุผลและทัศนคติความคิดของพระองค์ท่าน รวมทั้งประสบการณ์ของพระองค์ท่านที่มีคุณค่าและเป็นประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับผมและผู้ปฏิบัติงาน ในฐานะนายกรัฐมนตรีเมื่อมีผู้นำประเทศมาเยือนประเทศไทย ผมต้องนำบุคคลสำคัญเหล่านั้นมาเข้าเฝ้าฯพระองค์ท่าน ซึ่งปกติจะมีการปรึกษาหารือกันเป็นภาษาอังกฤษ ผมก็พอจับประเด็นได้บ้าง แต่มีบางครั้งที่ใช้ภาษาอื่น บางครั้งก็ใช้ภาษาฝรั่งเศส กรณีเช่นนี้พระองค์ทรงทราบว่าผมคงฟังไม่เข้าใจ หลังจากสนทนาก็ทรงอธิบายให้ผมฟังด้วยว่าได้หารือกันในประเด็นสำคัญเรื่องอะไร ซึ่งผมถือว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้

อีกครั้งหนึ่งเมื่อมีข่าวว่า แม่ถ้วน หลีกภัย แม่ของผมป่วยอยู่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วันหนึ่งระหว่างที่ผมและคณะรัฐมนตรียืนรอรับเสด็จในงานหนึ่ง ก่อนเสด็จฯไปที่จุดหมาย พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแวะมาที่คณะรัฐมนตรียืนอยู่ เสด็จฯตรงมาที่ผมและทรงถามว่า “ท่านนายกฯ คุณแม่เป็นอย่างไรบ้าง”

นี่คือน้ำพระราชหฤทัยของพระเจ้าแผ่นดินองค์นี้ที่มีต่อบุคคลอื่นอยู่เสมอ

สิ่งหนึ่งที่จะไม่มีวันสูญหายหรือลบเลือนไปได้ก็คือ พระบรมราโชวาทที่ให้ไว้กับประชาชนในวาระต่างๆ อันเป็นสัจธรรมที่อยู่ในความเป็นจริง เนื่องด้วยพระองค์ท่านได้มุ่งมั่นศึกษาเรื่องต่างๆ ให้เข้าใจอย่างถ่องแท้ จนสามารถนำมาปฏิบัติได้จริง จึงได้กลั่นออกมาเป็นคำพูดที่เป็นอมตะ ซึ่งผมก็ได้ใช้คำกล่าวของพระองค์ท่านในการบรรยายและอภิปรายให้ประชาชน และนิสิต นักศึกษา ในโอกาสต่างๆ เสมอมา

ในวาระแห่งความโศกสลดนี้ ผมขอเชิญชวนประชาชนชาวไทย น้อมนำพระราชดำริ และปรัชญาชีวิตทั้งหลายของพระองค์ท่าน เป็นแนวทางปฏิบัติอย่างจริงจังเพื่อความเป็นสิริมงคลในการดำรงชีวิตสืบไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image