ที่มา | มติชนรายวัน |
---|---|
ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
เผยแพร่ |
ท่ามกลางความ “วิปโยคยิ่งใหญ่” เหมือนดั่งคำพูดของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในวันที่แถลงว่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชสวรรคต
เมื่อเวลาผ่านไป 7 วัน แม้ความเศร้าโศกจะยังคงเกิดขึ้นสืบเนื่องต่อไป แต่ประเทศไทยทุกองคาพยพก็ยังเดินไปข้างหน้า
เดินหน้าไปตามกฎหมาย และตามครรลอง
ทั้งการสืบราชสันตติวงศ์ตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ทั้งการบริหารราชการแผ่นดินที่กำลังอยู่ระหว่างการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และการร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญฉบับใหม่นี้
ทุกอย่างดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง ไม่มีอะไรติดขัด
การสืบราชสันตติวงศ์นั้น ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ.2557 บัญญัติให้ใช้ดำเนินการตามมาตรา 23 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550
มาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 บัญญัติในวรรคแรกว่า กรณีมีรัชทายาท ให้รัฐบาลแจ้งให้รัฐสภาประชุม เพื่อมีมติรับทราบ และอัญเชิญรัชทายาทเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์
และเมื่อปี พ.ศ.2515 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงสถาปนาองค์รัชทายาทแล้ว คือ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร
ดังนั้น ขั้นตอนตามรัฐธรรมนูญจึงเหลือเพียง รัฐบาลแจ้งให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติประชุมเพื่อรับทราบ
และอัญเชิญองค์รัชทายาทเป็นผู้สืบราชสันตติวงศ์
เพียงแต่ขั้นตอนดังกล่าวยังไม่ได้ดำเนินการในวันที่ 13 ตุลาคม 2559 เพราะสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชบัณฑูรกับ พล.อ.ประยุทธ์ว่าทรงต้องการร่วมกับพสกนิกรแสดงความอาลัยต่อการสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
กระทั่งความเศร้าโศกบรรเทาลง และเห็นเป็นเวลาอันสมควร จึงดำเนินการตามขั้นตอนของกฎมนเทียรบาล และรัฐธรรมนูญ
ทุกอย่างดำเนินการตามพระราชบัณฑูร
ต่อมา พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ ระบุว่า มีความชัดเจนว่าการดำเนินการตามมาตรา 23 แห่งรัฐธรรมนูญจะมีขึ้นหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 15 วัน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ขยายความว่า ระยะเวลาดังกล่าว หมายถึงระยะเวลาการบำเพ็ญพระราชกุศลครบรอบ 7 วัน 15 วัน 50 วัน
หลังจากนั้น ทุกภาคส่วนจึงรับทราบว่า การสืบราชสันตติวงศ์จะดำเนินการขึ้นอีกในไม่ช้า
ทุกประการกระทำตามพระราชประสงค์ ทุกประการที่กระทำเพื่อให้พสกนิกรอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุขสืบต่อตลอดไป
ดังนั้น หากเป็นไปตามที่รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์และนายวิษณุเปิดเผย
เมื่อดำเนินการพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลแล้ว การอัญเชิญรัชทายาทก็จะเกิดขึ้น
สําหรับการบริหารราชการแผ่นดิน สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ได้มีพระราชบัณฑูรผ่าน พล.อ.ประยุทธ์ว่า ทรงอยากให้ดำเนินต่อไปเป็นปกติ
ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ประสบภัยน้ำท่วม และรับสั่งให้รัฐบาลลงไปดูแลช่วยเหลือ
หลังจากนั้นทุกหน่วยงานต่างรับสนองพระราชบัณฑูร คณะรัฐมนตรีประชุมประจำสัปดาห์ตามปกติ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ คณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ และอื่นๆ นัดประชุมและขับเคลื่อนงานบนหน้าตัก
นายวิษณุระบุว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังแก้ไข “คำปรารภ” หากดำเนินการเสร็จสิ้นแล้ว น่าจะนำทูลเกล้าฯ ได้ตามโรดแมปเดิม
ทูลเกล้าฯ ภายในวันที่ 9 พฤศจิกายน และรอโปรดเกล้าฯ ลงมาภายใน 90 วัน
รัฐบาลยืนยันว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ รัชกาลใหม่จะทรงลงพระปรมาภิไธย
ทางด้านคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ กำลังร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญกันอยู่ โดยนัดประชุมต่อเนื่อง
ทั้งร่างกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยที่มาของ ส.ว. น่าจะแล้วเสร็จตามกำหนด
กฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญดังกล่าว เป็นกฎหมายที่มีความจำเป็นต่อการเลือกตั้งทั่วไปตามโรดแมปที่ คสช.วางไว้
การเดินหน้าดังกล่าว แสดงว่า ณ ขณะนี้ โรดแมปที่ คสช.วางไว้ยังคงเป็นเหมือนเดิม
ท่ามกลางความเศร้าสลดของประชาชนคนในชาติไทย ความเศร้าเสียใจที่เกิดขึ้นทำให้ผู้คนภายในชาติเหนื่อยล้า ไม่มี
กะจิตกะใจทำอะไร แต่ประเทศไทยก็ยังมีทิศทางการขับเคลื่อนไปข้างหน้า
เดินไปข้างหน้าอย่างพร้อมเพรียง ด้วยความรักและสามัคคี
ในช่วงนี้ พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์หลายครั้ง ขอให้ประชาชนคนไทยหยุดขัดแย้ง
รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ได้เข้ามาทำหน้าที่ “ไกล่เกลี่ย” ความขัดแย้งในหลายครั้ง และมีความพยายามแก้ไขปัญหาที่อาจจะกลายเป็นเงื่อนไขความร้าวฉาน
กลไกรัฐบาลรวมถึงกองทัพลงพื้นที่ดูแลและช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม
ทุกประการดำเนินการได้ เพราะกลไกของภาครัฐบาลและการบริหารราชการแผ่นดินยังเดินหน้า
เดินหน้าตามที่สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชบัณฑูรมาก่อนหน้านี้
พระราชบัณฑูรที่ให้รัฐบาลน้อมนำไปปฏิบัติ ด้วยความห่วงใยต่อพสกนิกรของพระองค์