‘สุวัจน์’ กางภารกิจ นำ ‘ชาติพัฒนา’ คัมแบ๊ก

หมายเหตุ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา (ชพน.) ให้สัมภาษณ์พิเศษ “มติชน” ถึงการปรับโครงสร้างพรรคใหม่เพื่อเตรียมลงสนามเลือกตั้ง รวมถึงสถานการณ์ปีสุดท้ายของรัฐบาล

  • รื้อใหญ่โครงสร้างพรรครับสถานการณ์ใหม่

ปีสุดท้ายรัฐบาล ทุกพรรคได้เตรียมตัวเพื่อเข้าสู่สนามเลือกตั้ง ซึ่ง ชพน.ก็มีความมุ่งมั่นลงสู่สนามด้วยความพร้อม จึงได้มีการปรับโครงสร้าง โดยพิจารณาจากสถานการณ์รอบๆ ตัวที่เปลี่ยนไป ซึ่งต้องยอมรับว่า ขณะนี้โลกประสบปัญหามาก ทั้งปัญหาโควิด เทคโนโลยี สถานการณ์การสู้รบของรัสเซีย-ยูเครนด้วย ทั้งหมดล้วนมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจ ดุลอำนาจต่างๆ ที่วันนี้กลายเป็น 3 ขั้ว สหรัฐ รัสเซีย จีน ซึ่งหากนับตั้งแต่เกิดโควิดทุกประเทศทั่วโลกได้กู้เงินมาแก้ปัญหา จึงทำให้คนทั้งโลกหวั่นเกรง ปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ อย่างตอนนี้ประเมินกันว่า เงินเฟ้อทั้งโลกจะอยู่ที่ 8-9% ของไทยอาจจะอยู่ที่ 5-6% ขณะที่จีดีพีเราไม่ได้โตมาก อาจจะอยู่ที่ 3% เท่ากับเราขาดดุลแล้ว 2% กว่า สิ่งเหล่านี้ถือเป็นประเด็นทางเศรษฐกิจที่สำคัญ

เมื่อสถานการณ์โลกเป็นแบบนี้ กลับมาที่สถานการณ์ในประเทศ ตั้งแต่เลือกตั้ง เราก็ต่อสู้กับโควิดเป็นหลัก วันนี้ก็ยังสู้อยู่ แม้จะเป็นโรคระบาดแต่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจ วันนี้แม้จะคลี่คลายจนเปิดประเทศได้ แต่การเร่งแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ 2 ปีกว่ามานี้ มีผู้ป่วยสะสม 4 ล้านกว่าคน คนเสียชีวิต 3 หมื่นคน แล้วเราก็ได้กู้เงินมาใช้แล้วเป็นเงินกว่า 2.4 ล้านล้านบาท ระหว่างแก้เรื่องนี้ก็ยังมาเจอราคาน้ำมันแพงอีก มันจึงกระทบไปหมด ค่าน้ำค่าไฟ ค่าครองชีพพี่น้องประชาชนขึ้นหมด แต่เรายังจำเป็นต้องกระตุ้นเศรษฐกิจกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในหมู่วิชาการ ภาคธุรกิจ ประเมินว่า อย่างน้อยๆ จะต้องมีการเตรียมเงินกันอีก 1-1.5 ล้านล้านบาท นำเงินเข้าระบบ ไปจนกว่าสถานการณ์เศรษฐกิจของโลกจะคลี่คลาย จีดีพีเรากลับมาอยู่ในระดับเดิม

  • ชี้โจทย์ประเทศ หน้าที่ทุกพรรคต้องช่วยกันคิด

สิ่งเหล่านี้เป็นประเด็นที่ทุกพรรคต้องช่วยกันคิดว่า จะกระตุ้นเศรษฐกิจกันอย่างไร เพื่อการบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ถ้าต้องใช้เงินกู้ จะกู้อย่างไรให้เหมาะสม ไม่กระทบต่อวินัยการเงินการคลังมากเกินไป เพราะที่ผ่านมา เรามีปัญหาเรื่องงบประมาณพอควร ตอนนี้ก็ขาดดุล เรากู้มาโปะปีละ 8 แสนล้านบาท เป็นตัวเลขน่ากังวล ขณะที่ 80% เป็นรายจ่ายประจำ เหลือ 20% เท่านั้นที่มาใช้พัฒนาประเทศ ฉะนั้นเมื่อโครงการใช้จ่ายไม่สอดคล้องกับการดีดตัว พรรคการเมืองต้องช่วยกันคิด เรื่องนี้ทราบดีอยู่แล้ว เมื่อกู้มามากๆ เงินก็เฟ้อ ตอนนี้หนี้ภาครัฐก็อยู่ที่ 60% ของจีดีพี หรือประมาณ 10 ล้านล้านบาทแล้ว หากนับหนี้ครัวเรือนอีก 15 ล้านล้านบาท เฉลี่ยแล้วคนไทย 1 คนเป็นหนี้ถึง 2 แสนกว่าบาท ถือว่าสูงมากจนน่าตกใจ

Advertisement

เมื่อนำตัวเลขเหล่านี้มาบวกกับปัญหาต่างๆ เช่น นักท่องเที่ยวหายไป เศรษฐกิจรากหญ้าอ่อนแอ ไหนจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอีก รัฐจะต้องมีค่าใช้จ่ายมากขึ้นๆ ไปเรื่อยๆ สิ่งเหล่านี้มีผลต่อระบบเศรษฐกิจทั้งนั้น ที่พูดมาทั้งหมด พรรคการเมือง รวมทั้ง ชพน.ต้องเห็นเรื่องนี้ เช่นเดียวกับสถานการณ์ทางการเมือง เมื่อเตรียมการเลือกตั้งก็ต้องมาสรุปบทเรียนกันด้วยว่า ที่ผ่านมา 2-3 ปี การเมืองเรามีปัญหาเรื่องเสถียรภาพ ทำให้การทำงานต่างๆ ไม่ราบรื่น ซึ่งเป็นผลมาจากปัญหาพื้นฐานตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาลที่ได้เสียงเกินครึ่งมาค่อนข้างต่ำ เพราะตอนจัดตั้งเรามีเสียงเพียง 253-254 เท่านั้น เมื่อเสถียรภาพไม่มั่นคง การผลักดันงานก็ไม่เต็มที่ ยิ่งความขัดแย้งเดิมมีอยู่แล้ว การเมืองจึงขาดความร่วมไม้ร่วมมือ

  • หลังเลือกตั้งการเมืองต้องนิ่ง มีเสถียรภาพ

ฉะนั้น ถ้าพรรคการเมือง วางนโยบายกันได้ ทำให้การเมืองหลังการเลือกตั้งเป็นที่ยอมรับ มีเสถียรภาพ แล้วช่วยกันหันหน้ามาพูดคุยกัน ความขัดแย้งต่างๆ ก็จะเบาลง อย่าง ส.ส.มี 500 เราก็ต้องดูบทเรียนคราวที่แล้ว เราจัดตั้งรัฐบาลเสียง 250 นิดๆ ในทางการเมืองอยู่ท่ามกลางวิกฤตมันแก้ไขปัญหาได้ไม่เต็มที่ ดังนั้นรัฐบาลหน้า ต้องอย่าให้เจอปัญหาเก่าอีก รัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ ประสบการณ์ของผมที่ผ่านมา รัฐบาลควรจะมีเสียงเริ่มต้นที่ 300 เป็นอย่างน้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวิกฤตแบบนี้ เสถียรภาพของรัฐบาลสำคัญ ถึงจะแก้ปัญหาทั้งหมดได้อย่างลุล่วง

ผมเชื่อว่า ทั้งหมดที่กล่าวมา เป็นสิ่งที่พี่น้องประชาชนต้องการ และคาดหวังไว้สูงว่า เมื่อเลือกตั้งจบจะต้องนำไปสู่การแก้ไขปัญหา นำไปสู่ทางออก นี่จึงเป็นเป็นที่มาให้ ชพน. ต้องปรับปรุงบทบาทแล้ววางยุทธศาสตร์การบริหารให้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ ในการประชุมพรรคเมื่อ 23 เมษายนที่ผ่านมา เราได้นำปัญหาเหล่านี้ไปหารือกัน จนได้ข้อสรุปว่า พรรคจำเป็นต้องมีผู้มากประสบการณ์ มีงานวิชาการมาใช้สำหรับบริหารงานของพรรค จำเป็นต้องมีบอร์ดใหญ่ ที่มีประธาน เปรียบได้กับบริษัทใหญ่จะมี 2 ระดับ ค่อยกำหนดนโยบายต่างๆ เพื่อมอบให้กับผู้บริหารที่มีซีอีโอ นำข้อคิดเห็น และประสบการณ์ต่างๆ จากบอร์ดใหญ่ มามอบให้กับซีอีโอใช้บริหาร ร่วมกับกรรมการบริหารต่อไป”

Advertisement
  • รับตำแหน่งประธานพรรคคุม 4 ด้าน คณะกรรมการยุทธศาสตร์

ชพน.จึงแก้ไขข้อบังคับพรรคให้คล้ายๆ เอกชน มี 2 บอร์ด หัวหน้าพรรคเป็นซีอีโอบริหารงานร่วมกับกรรมการบริหาร ส่วนใหญ่เป็น ส.ส.มีภารกิจในสภา ลงพื้นที่แก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน อย่างที่ทราบกัน คนเป็น ส.ส.มีข้อจำกัดเรื่องเวลา การทำงานหายุทธศาสตร์ให้ทันกับปัญหาประเทศ จะมีอีกบอร์ดมาทำหน้าที่ รวมคนที่มีเวลาติดตามข่าวสารกับตัวเลขทางเศรษฐกิจ มาทำนโยบายและยุทธศาสตร์ เพื่อเป็นโรดแมปให้ผู้บริหารพรรคนำไปใช้เป็นแนวทางแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนให้ครบทุกด้าน จึงได้พิจารณาและแบ่งได้ 4 ด้าน 1.คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเศรษฐกิจ 2.คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านเทคโนโลยีเพื่อการพัฒนาประเทศ 3.คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านสังคมท้องถิ่นและความมั่นคง และ 4.คณะกรรมการด้านการเมือง

วันนั้นที่ประชุมเห็นด้วยกับโครงสร้างแบบนี้ โดยให้แต่ละด้านมีองค์ประกอบ 7 คน ประธาน 1 คน กับกรรมการอีก 6 คน ทั้งหมด 4 ชุด 7×4 ก็เท่ากับ 28 คน ทั้งหมดจะมีการแต่งตั้งหลังข้อบังคับพรรคเสร็จแล้ว โดยจะนำอดีตรัฐมนตรี ผู้ใหญ่ของพรรคที่มีประสบการณ์ ผ่านการเมืองผ่านเรื่องเศรษฐกิจมาเยอะ เคยทำงานกับ พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ ได้เห็นแนวคิด ความสำเร็จในอดีตของนโยบายต่างๆ โดยทั้ง 4 คณะ จะมีประธานพรรคเป็นผู้นำ ผมได้รับแต่งตั้งให้ทำหน้าที่นี้ โดยเชื่อมั่นว่า โครงสร้างนี้จะทำให้พรรคเข้มแข็ง มีความพร้อม เป็นคำตอบให้พี่น้องประชาชนได้มั่นใจว่า พรรคนี้มีบุคลากร มียุทธศาสตร์ที่ถูกต้องเหมาะสม สอดรับกับสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงในขณะนี้

  • วางเป้าคัมแบ๊ก กวาดส.ส.ที่โคราช

ในความรู้สึกของพวกเรา เราถือว่าเกิดที่นี่ อย่างผมเองก็เป็น ส.ส.โคราช ตั้งแต่ปี 2531 พล.อ.ชาติชาย ตั้ง ชพน.ที่นี่ เมื่อปี 2535 ปีนี้ก็ครบ 30 ปีแล้ว ในสมัย พล.อ.ชาติชาย เป็นหัวหน้า เราเคยมี ส.ส.โคราช ถึง 15 จาก 16 คน ยุคสูงสุดเหลือคนเดียวเท่านั้นที่เราไม่ได้ แต่วันนี้เราได้เพียงคนเดียวจากทั้งหมด 14 คน ฉะนั้นเรารู้สึกว่า จะต้องคัมแบ๊ก นำพรรคกลับมามีพื้นฐานทางการเมืองที่เข้มแข็งที่โคราช สามารถขับเคลื่อนงานให้พี่น้องประชาชนได้ เพราะเราอยู่โคราช ได้ทำมาตลอด รู้บริบท เข้าใจดีถึงแนวทางการพัฒนาที่นี่ ฉะนั้นการจะทำอย่างไรให้โคราชกลับมามีเศรษฐกิจยุคทองอีกครั้ง พี่น้องประชาชนภาคเกษตรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น การลงทุนต่างๆ เกิด มีนักท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงการต่อยอดโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ได้

อย่างเมื่อก่อนเราบอกว่า เปิดประตูอีสานสู่อินโดจีนในยุค พล.อ.ชาติชาย วันนี้ต่อยอดเลย เปิดประตู่อีสานสู่นานาชาติ เปิดประตูอีสานสู่โลก ด้วยโครงการภาครัฐปัจจุบันที่มีอยู่แล้ว ทั้งรถไฟความเร็วสูง มอเตอร์เวย์ มาต่อจิ๊กซอว์ กับเขตภูมิรัฐศาสตร์ หรือเขตการค้าต่างๆ ที่เราไปเกี่ยวข้อง อาทิ กลุ่มประเทศเอเปค ซีพีทีพีพี อาเซียน อนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง (GMS) หรือจุดยุทธศาสตร์ที่ไปเชื่อมโยงกับโครงการเส้นทางสายไหมของจีน ผลักดันให้อีสานเป็นระเบียงเศรษฐกิจที่สำคัญ ใช้เรื่องการคมนาคมเชื่อมไทยกับจีน เอเชียแปซิฟิก และยุโรป ทำอีสานให้เป็นสากล เป็นเมืองลงทุนด้านโลจิสติกส์ อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยวด้วยภูมิรัฐศาสตร์ โดยมีโคราชซึ่งเป็นเมืองใหญ่ มีพื้นฐานที่สุด เป็นเกตเวย์สู่อีสาน

  • ชูนายเทวัญ ชิงคืนเขต 1 เขตเมือง

เรามีความตั้งใจแบบนี้ แต่การจะขับเคลื่อนงานนี้ได้ ต้องใช้พลังทางการเมือง ซึ่งมีจำนวนเสียง ส.ส.เป็นตัวนับ อย่างที่รู้ วันนี้เรามีพลังน้อย มี ส.ส. 2 คนเท่านั้นที่อยู่โคราช เขตคนหนึ่ง ปาร์ตี้ลิสต์อีกคนหนึ่ง นี่คือเหตุผลว่า ทำไมเราต้องการจะคัมแบ๊ก เพื่อให้มี ส.ส.โคราช มาเป็นพื้นฐานของพรรคให้มาก จะได้มีพลังในการขับเคลื่อน อย่างที่ในอดีตที่ ชพน.ประสบความสำเร็จในอดีต ในการผลักดันการแก้ไขปัญหา และโครงการต่างๆ ที่สำคัญคำว่า ชพน.ต้องคัมแบ๊ก ในความรู้สึกของพวกเรา เมื่อเราเกิดที่โคราช พวกเราเป็น ส.ส.โคราช คนเราเกิดที่ไหนก็อยากตายที่นั่น พวกเราถึงประกาศออกมาว่า จะยึดโคราชเป็นเรือนตาย

ถามว่ารอบนี้จะส่ง นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้า ชพน.ลงทวงคืนที่ 1 โคราช ต้องยอมรับว่า การวางตัวนายเทวัญชิง ส.ส.เขต 1 ถือเป็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญในการคัมแบ๊กโคราช

“จากนี้ยุทธศาสตร์ในการคัมแบ๊กโคราช จะออกมาเรื่อยๆ เมื่อเรามีคณะกรรมการยุทธศาสตร์ จัดทำนโยบายออกมา ส่วนตัวผู้สมัครเราก็ได้ทำการคัดเลือกคู่ขนานกันไป ในโคราชมีผู้สมัครยื่นความจำนงมาเยอะพอสมควร รวมทั้งจังหวัดอื่นๆ ทั้งที่ระยอง นครสวรรค์ และ กทม. จะมีการเปิดตัวเร็วๆ นี้ ทั้งกรรมการยุทธศาสตร์ นโยบาย ผู้สมัคร เปิดที่ทำการพรรคในจุดที่จะมีกิจกรรมกันต่อไป จึงมั่นใจว่า เที่ยวนี้ ชพน.เตรียมพร้อม และมีความพร้อม”

  • แนะโค้งสุดท้ายดึงเสียงนอกสภาพยุงรัฐบาล

อย่างที่พูดไปการเมืองยังไงก็ปีสุดท้ายแล้ว ถ้าแข่งวิ่ง 4X100 ก็เป็นไม้สุดท้ายแล้ว ฉะนั้นวันนี้เป็นเรื่องของการเตรียมพร้อมเตรียมนโยบาย และสร้างคะแนนนิยมทางการเมือง รัฐบาลเองก็คงที่จะทำงานอย่างหนักอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเรื่องโควิดและเศรษฐกิจ ที่สำคัญจะมีงานใหญ่ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมเอเปคด้วย ขณะนี้เสถียรภาพทางการเมืองยังเป็นเรื่องที่ทุกคนกังวลใจ เพราะที่ผ่านมาองค์ประชุมไม่ครบ สภาล่ม การเปิดรัฐสภาสมัยนี้ จะมีงานใหญ่ๆ ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจ กฎหมายงบประมาณ หรือกฎหมายสำคัญอื่นๆ รวมไปถึงประเด็นเรื่องการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ไม่เกิน 8 ปีตามรัฐธรรมนูญ สิ่งต่างๆ เหล่านี้ถือเป็นประเด็นที่ทำให้เกิดความรู้สึกว่า รัฐบาลจะผ่านด่านที่สำคัญๆ แบบนี้ไปได้มากน้อยแค่ไหน

ฉะนั้น ผมคิดว่า รัฐบาลต้องทำงานหนัก หนักทั้งใน และนอกสภา ทำผลงานให้พี่น้องประชาชนยอมรับ ทำให้องค์ประชุมครบ รัฐบาลต้องผ่านเรื่องการอภิปรายไม่ไว้วางใจผ่านกฎหมายงบ กฎหมายสำคัญ ซึ่งต้องยอมรับว่า เสียงของรัฐบาลมีมากกว่าฝ่ายค้าน แต่มากด้วยจำนวนไม่มากนัก แม้จะมีการยุบพรรคการเมืองแล้วได้เสียงมาเติม แต่ล่าสุดตอนนี้ก็มีการแยกออกไปตั้งพรรคใหม่ เสียงก็หายไปอีก ดังนั้นสภาพขณะนี้รัฐบาลต้องรักษาเสถียรภาพ ให้การเมืองนอกสภาช่วยพยุง นั่นคือ การยอมรับของพี่น้องประชาชน ฉะนั้น ต้องมีผลงานเป็นที่พึงพอใจ แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ โควิดได้

  • อย่ากังวล ยุบสภา-ลาออก-อุบัติเหตุตามรัฐธรรมนูญ

ขณะที่เสียงในสภา แม้จะขึ้นอยู่กับจำนวนเสียง แต่วันนี้รัฐบาลต้องเก็บทุกเสียงให้ครบ ต้องทำความเข้าใจกับพรรคร่วมทุกพรรค วันนี้ใหญ่ หรือเล็กสำคัญทั้งนั้น รัฐบาลต้องทำความเข้าใจ ให้เกียรติให้ความสำคัญ มีอะไรไม่สบายใจต้องเปิดอก สร้างบรรยากาศของการอยู่ร่วมกัน ถ้าเก็บทุกเสียงที่มีอยู่ได้ครบก็ไม่มีปัญหา แต่อย่างไรก็แล้วแต่อุบัติเหตุทางการเมือง เป็นสิ่งที่เราไม่คาดคิด มันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เรื่องนี้เป็นเรื่องปกติด้วยซ้ำ ดังนั้น ถ้าเราเตรียมทุกอย่างพร้อม เตรียมการไว้ในการดูแลประชาชน แก้ไขปัญหาของประเทศให้ดีที่สุด เรื่องอุบัติเหตุก็ไม่ใช่เรื่องที่เราจะต้องไปกังวลอะไรมาก เพราะปีสุดท้ายแล้วช้า หรือเร็วยังไงเราก็ต้องเลือกตั้ง ถ้ามันมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นจริงๆ อย่างน้อยๆ มันก็เป็นอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในระบบระบอบประชาธิปไตย ไม่ว่าจะปรับ ครม. ยุบสภา หรือลาออก ส่วนเรื่องนายกฯสำรอง นายกฯคนนอก ผมไม่ทราบ แต่ส่วนตัวยังคิดว่า เวลานี้อะไรจะเกิดขึ้น ก็ยังสบายใจได้ เรายังมีกลไกในการแก้ไขปัญหา ทุกอย่างยังเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้น ไม่ต้องกังวลอุบัติเหตุ ทำวันนี้ให้เต็มที่ แล้วอะไรจะเกิดก็ให้มันเกิดไป

ขจรศักดิ์ สิริพัฒนกรชัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image