สถานบันเทิง จี้บิ๊กตู่ เลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ชงเปิดร้านดริงก์นำร่อง รับไฮซีซั่น

‘เครือข่ายสถานบันเทิงฯ’ จี้ ‘บิ๊กตู่’ เลิก ‘พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ-พ.ร.บ.โรคติดต่อ’ ชงเปิดสถานบันเทิงพื้นที่นำร่อง 28 จว. เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยวช่วงไฮซีซั่น เร่งคลายล็อกชิงส่วนแบ่งก.ท่องเที่ยว จากปท.อื่น

เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 พฤษภาคม ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ทำเนียบรัฐบาล นายสง่า เรืองวัฒนกุล นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร เป็นตัวแทนนำเครือข่ายกลุ่มผู้ประกอบกรธุรกิจท่องเที่ยวและบริการร้านค้สร้านอาหาร สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ประกอบด้วย สมาคมผู้ประกอบธุรกิจถนนข้าวสาร สมาคมอุตสาหกรรมบันเทิงและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา สมาคมผู้ประกอบการร้านอาหาร สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหาร สมาคมการค้าธุรกิจร้านอาหารกลางคืน สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย และสมาคมบาร์เทนเดอร์ไทย รวม 231 ราย ยื่นหนังสือผ่านนายมงคลชัย สมอุดร รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อการฟื้นฟู และบูรณาการการพัฒนาการท่องเที่ยวครบวงจร ปลอดภัย และยั่งยืน ส่งเสริมศักยภาพ การแข่งขันของการท่องเที่ยวไทยในระดับภูมิภาค ของกลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวและบริการ ร้านค้า ร้านอาหาร สถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ

นายสง่า กล่าวว่า จากการปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคของรัฐอย่างเคร่งครัด ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อผู้ประกอบการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาตรการปิดกิจการ จำกัดการเดินทาง จำกัดเวลาและรูปแบบกิจการกิจกรรม และจำกัดจำนวนคน รัฐบาลมีเป้าหมายการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 และได้ดำเนินการปรับปรุงมาตรการและข้อจำกัดการเดินทางเข้าราชอาณาจักร การปรับระดับพื้นที่สถานการณ์เหลือเพียงพื้นที่เฝ้าระวังสูงและพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว และการขยายเวลาการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในร้านอาหารจนถึง 24.00 น. นั้น ถือเป็นการดำเนินการสำคัญในการประกาศความพร้อมของประเทศไทยต่อการเปิดรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และส่งผลให้เกิดการกระตุ้นการบริโภคและการเพิ่มการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวและผู้บริโภคภายในประเทศ

นายสง่า กล่าวว่า ทางเครือข่ายฯ ขอให้ยืนยันการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่นทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 พร้อมเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ โดยพิจารณาการบูรณาการการใช้กฎหมายปกติ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยขอให้ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และพ.ร.บ.โรคติดต่อ เพราะการคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จะกระทบต่อการซื้อประกันของนักท่องเที่ยว ส่วนหากยังมีพ.รบ.โรคติดต่อ จะทำให้คนจะไม่กล้าเข้าประเทศ

Advertisement

นอกจากนี้ ขอให้ยกเลิกมาตรการลงทะเบียนใน Thailand Pass สำหรับผู้เดินทางเข้ามาในราชอาณาจักรไทยในทุกช่องทาง รวมถึงประชาสัมพันธ์เป็นการล่วงหน้าก่อนการเปิดประเทศเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและจูงใจให้นักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีกำลังซื้อสูงและกลุ่มไมซ์ (MICE: Meeting, Incentive, Conventions and Exhibitions) กลับมาเยือนประเทศไทยอีกครั้ง รวมถึงอนุญาตให้เปิดกิจการสถานบริการ ผับ บาร์ คาราโอเกะ ที่ได้รับรองมาตรฐาน SHA Plus หรือ Thai Stop COVID 2 Plus และผ่านการตรวจประเมินโดยคณะกรรมการโรคติดต่อกรุงเทพมหานครหรือคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด

โดยระยะทดลอง ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2565 เฉพาะในพื้นที่นำร่องด้านการท่องเที่ยว 28 จังหวัด โดยแบ่งเป็นเปิดให้บริการได้ทั่วทุกพื้นที่  16 จังหวัด และเปิดในบางพื้นที่ 12 จังหวัด รวมทั้งเปิดดำเนินการทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2565 เป็นต้นไป เชื่อว่าหากภาครัฐเห็นด้วยกับข้อเสนอที่นำเสนอในวันนี้ จะช่วยเรียกความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศให้กลับคืนมาเข้มแข็งได้อีกครั้ง จึงอยากให้รัฐบาลเห็นใจผู้ประกอบการกลุ่มนี้ด้วย

นายสง่า กล่าวว่า เมื่อเปิดประเทศแล้วก็ควรจะเปิดสถานบันเทิงต่างๆ เพราะธุรกิจสถานบันเทิงกลางคืน เป็นหนึ่งตัวชูโรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาประเทศไทย ดังนั้นเราต้องชิงส่วนแบ่งเค้กด้านการท่องเที่ยวจากประเทศอื่นให้เร็วที่สุด

Advertisement

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image