สุทิน ชี้ช่อง ปรองดอง 3 อำนาจใหญ่ ตัดวงจรรัฐประหาร ไม่เชื่อแก้ทุจริต-ขัดแย้ง

สุทิน ชี้ช่อง ปรองดอง 3 อำนาจใหญ่ ตัดวงจรรัฐประหาร ไม่เชื่อแก้ทุจริต-ขัดแย้ง

เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม ที่ห้องประชุม LT2 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
มีการเปิดเวทีอภิปรายนานาชาติ 30 ปีพฤษภาประชาธรรม หยุดวัฎจักรรัฐประหาร สร้างรัฐธรรมนูญประชาชน และประสบการณ์จากต่างประเทศ พร้อมเผยแพร่ภาพสดผ่านระบบออนไลน์

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า การตัดวงจรรัฐประหารเป็นเรื่องที่ยากมาก คิดว่าอาจจะมีต่ออีกด้วย แทนที่จะล้าสมัยกลับทันสมัย แค่พูดเรื่องเล็กน้อยๆก็ชูเรื่องรัฐประหารขึ้นมาแล้ว สังคมให้การยอมรับง่ายกว่าเดิม คิดว่ารัฐประหารในประเทศไทยน่าจะหมดยาก ประเทศในเอเชียมีวัฒนธรรมที่คล้ายกัน เคยมีรัฐประหารเหมือนกัน แต่ไม่ได้บ่อยแบบประเทศไทย

ถ้าคิดว่าสาเหตุการรัฐประหารมาจากการทุจริตของนักการเมือง ลองไปดูอันดับการทุจริต ในประเทศฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย ไม่ได้ต่างจากประเทศไทยนัก แต่มีความต่างที่วิธีการแก้ปัญหา ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย มีเกาะ มีชนกลุ่มน้อยมากมาย มีความขัดแย้งกันมาก ซึ่งน่าจะใช้การรัฐประหารมากกว่าประเทศไทยด้วย แต่ไทยกลับมีการรัฐประหารบ่อยกว่า

นายสุทิน กล่าวว่า สิ่งที่น่าคิดเมื่อรัฐประหารแล้วมีการแก้ไขเรื่องการทุจริต ความขัดแย้งได้หรือไม่ เชื่อว่าพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ไม่ได้คิดว่าจะแก้ไขปัญหาเรื่องเหล่านี้ได้ แต่ทำไมถึงมีการยึดอำนาจ เพราะประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา คนทำรัฐประหารก็มาทุจริตเสียเอง

Advertisement

“คนที่ทำรัฐประหารจริงๆ ผมไม่เชื่อว่าเขาจะอยากเข้ามาแก้ทุจริต เข้ามาแก้ความขัดแย้ง ผมเชื่อว่าเขาเข้ามาหยุดยั้งการพัฒนาประชาธิปไตยต่างหาก ไม่ให้ประชาธิปไตยเติบโต” นายสุทินกล่าว

นายสุทิน กล่าวว่า สาเหตุการทำรัฐประหาร มาจากการต่อสู้การปฏิวัติ 2475 ฉะนั้นเหตุการณ์ความขัดแย้งที่ผ่านมาตั้งแต่ 14 ตุลา, 6 ตุลา, พฤษภา 35, พฤษภา 52-53 และอาจจะมีต่อไป เป็นเพียงการปกป้องอำนาจตัวเอง เป็นการแย่งอำนาจเพียงแค่นั้น เชื่อว่ากลุ่ม 3 พลังที่นายโภคินว่า แต่ละพลังมีการรักษาอำนาจไว้ พลังศักดินาที่เคยเสียมาก็จะยึดไว้ ถ้าพลังประชาชนจะเข็งแรงขึ้นก็จะมาเบียดบังพลังตรงนี้ออกไป จริงๆแล้วพยายามปกป้องอำนาจของตัวเอง เพียงแต่ฝ่ายหนึ่งมีเครื่องมือในการปกป้องอำนาจคือ กองทัพ แต่ฝ่ายประชาชนอยากโค่นล้มกลุ่มอำนาจนั้นเหมือนกัน แต่ประชาชนไม่มีกองทัพ เลยไม่สามารถใช้วิธีรัฐประหารได้ แท้จริงแล้วการรัฐประหารคือการบอนไซประชาธิปไตย

Advertisement

“การแก้ปัญหารัฐประหาร ที่ อ.โภคินบอกว่า ต้องมีรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ ที่เป็นประชาธิปไตย อันนี้ยิ่งไปใหญ่ เราก็เคยมีรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ คือ รัฐธรรมนูญ ปี 40 แต่รัฐธรรมนูญแบบนี้อยู่ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายเห็นว่ารัฐธรรมนูญนี้ ประชาชนแข็งแรงขึ้น ประชาธิปไตยงอกงาม จึงจัดการฉีกทิ้งได้ง่าย ใครคิดว่ารัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ จะมีภูมิคุ้มกันสู้กับอำนาจรัฐประหารได้ ไม่มี”

“แม้วันนี้จะมีรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ ก็คิดว่าจะมีคนฉีกรัฐธรรมนูญนี้ทิ้งอีก เพราะรัฐธรรมนูญที่ประชาชนยอมรับ จะเป็นภัยต่อฝ่ายอำนาจอื่น การชุมนุมของประชาชนไม่ใช่เรื่องที่ประหลาด ที่ต้องรัฐประหาร ปล่อยให้สังคมประชาธิปไตยได้เรียนรู้ในเวลาที่เหมาะสม เรื่องต่างๆก็จะคลี่คลายไป”

นายสุทิน กล่าวว่า การยุติรัฐประหารอย่างยั่งยืน ต้องกลับไปที่รากเหง้า ประเทศไทยต้องมีการจัดที่อยู่ให้อยู่ร่วมกันของ 3 พลัง ประเทศไทยต้องปรองดองระหว่างอำนาจใหญ่ ทั้งอำนาจศักดินา อำนาจราชการ และอำนาจประชาชน แล้วหาความสัมพันธ์ที่ดีตกลงอยู่ร่วมกันให้ได้ ก็จะไม่มีรัฐประหาร

“สังคมไทยต้องประนีประนอมลำดับอำนาจใหญ่ คุยกันสักครั้งหนึ่งให้จบ ประชาธิปไตยบ้านเราเป็นอีกตระกูลหนึ่ง มีนามสกุลด้วย ก็ดูเหมือนการปรองดอง การหาสมการที่ลงตัวแล้ว แต่ทำไมยังมีปัญหาต่อกันอยู่ ความหวาดระแวง ความไม่เชื่อใจกัน หวาดระแวงต่อการพัฒนาทางสังคม ถ้าสังคมพัฒนาไปเรื่อยๆ กลัวรึเปล่า”

นายสุทิน กล่าวว่า หลายคนเสนอว่าการจะหยุดรัฐประหารได้ ศาลจะต้องไม่ยอมรับสถานะของฝ่ายรัฐประหารเป็นรัฏฐาธิปัตย์ เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่สุด ถ้าคุณยึดอำนาจแล้วแต่ไม่ได้เป็นรัฏฐาธิปัตย์ คุณก็นิรโทษกรรมไม่ได้ ไม่มีใครกล้ายึด

“ถ้าจะไม่ให้มีรัฐประหารต่อไป ให้กลับไปสะสางรากเหง้าที่แท้จริงๆ ไปแชร์อำนาจของกลุ่มก้อนใหญ่ๆให้อยู่ด้วยกันให้ได้ อย่าระแวงกันเท่านั้น” นายสุทินกล่าว

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image