จับตา ผลการเลือกตั้ง ‘ส.ก.’ กับ ภูมิทัศน์ใหม่ ทางการเมือง
การชิงชัยในตำแหน่งผู้ว่าฯกทม.อาจสะท้อนภาพใหญ่ในการต่อสู้ทางการเมืองที่ดำรงอยู่ตั้งแต่รัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 และเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ได้ระดับหนึ่ง
หาก นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ กำชัยได้ก็มิได้หมายความว่าเป็น ชัยชนะของพรรคเพื่อไทยอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ลง “อิสระ”
ไม่ว่าผลที่ปรากฏผ่าน “โพล” และความเชื่อมั่นของสังคมที่มีต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ส่วนหนึ่งอาจมาจากฐานคะแนนเสียงของพรรคเพื่อไทย แต่ก็เป็นเพียง “ส่วนหนึ่ง” เท่านั้น
อย่าลืมเป็นอันขาดว่าการสร้างพันธมิตรของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ไม่เพียงแต่มีคนอย่าง นายพิจิตต รัตตกุล เข้ามา หากแต่ยังมีคนอย่าง นางปวีณา หงสกุล
คะแนนของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ที่จะได้ในวันที่ 22 พฤษภาคมส่วนหนึ่งและส่วนใหญ่อาจมาจากของพรรคเพื่อไทย แต่อีก ส่วนที่สำคัญคือความเชื่อมั่นที่มีต่อ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์
คะแนนและผลสำเร็จจากการเลือกตั้ง ส.ก.คือตัวชี้วัดใหญ่
พรรคเพื่อไทยตระหนักในจุดนี้เป็นอย่างดีจึงปรากฏภาพของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลงพื้นที่ไปช่วยหาเสียงให้กับ ส.ก.
ผลสะเทือนจากการเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” จึงเป็นเงาสะท้อนแสดงถึงแนวโน้มที่จะเกิดขึ้นกับการเลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปได้อย่าง เด่นชัดโดยผ่านผลลัพธ์จาก ส.ก.
ไม่ว่าจะมองผ่านของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าจะมองผ่านพรรคประชาธิปัตย์
ยิ่งของพรรคก้าวไกล พรรคไทยสร้างไทยยิ่งเด่นชัด
เพียงแต่พรรคการเมืองที่ส่งทั้งผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.จะทำให้สามารถสังเคราะห์และประเมินผลได้แจ่มชัดมากยิ่งกว่าทั้งคะแนนของผู้ชิงผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.
การที่พรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคไทยสร้างไทย พรรคก้าวไกล เปิดเวทีใหญ่โดยเน้นไปยัง ส.ก.
จึงยืนยันการเล็งเห็นผลได้อย่างเป็นรูปธรรม
ผลการเลือกตั้งทั้ง 50 เขต ส.ก.จึงทรงความหมายอย่างสูง
การสังเคราะห์และประเมินผลของการเลือกตั้ง ส.ก.ด้านหนึ่งยังจำเป็นต้องพึ่งฐานข้อมูลเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากที่ปรากฏในเดือนมีนาคม 2562
แต่เมื่อถึงเดือนพฤษภาคม 2565 ภูมิทัศน์ก็เปลี่ยนแปลง
การเปลี่ยนแปลงใหม่นั่นเองจะทำให้การประเมินอย่างเก่า ไม่อาจแม่นยำและถูกต้องครบถ้วน
นี่คือโจทย์ใหม่ และท้าทายยิ่งในทางการเมือง
