หากมองผ่านการเคลื่อนไหว ไม่ว่าของ นายสกลธี ภัททิยกุล ไม่ว่าของ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ไม่ว่าของ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ไม่ว่าของ นส.รสนา โตสิตระกูล
ข้อเสนอในเรื่อง”บล็อกโหวต”ภายในผู้สมัคร 4 คนนี้เพื่อเอา ชนะ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้ล้มเหลวลงอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าทั้ง นายสกลธี ภัททิยกุล และ นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ตลอดจน นส.รสนา โตสิตระกุล จะถือ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นเป้าหมายในการต่อสู้
เหตุผลที่เห็นอย่างเด่นชัดก็คือ ยิ่งเสนอให้มีการบล็อคโหวตไม่ว่าบนพื้นฐานความเชื่อ”ไม่เลือกเรา เขามาแน่” หรือภายใต้หลักการการเลือกในเชิงยุทธศาสตร์
ก็ยิ่งสะท้อนให้เห็นว่ายุทธศาสตร์อันถือว่าเป็นเป้าหมายไม่สามารถปรากฏเป็นจริงได้อย่างเด็ดขาด หากไม่มีการบริหารจัด การอย่างมีประสิทธิภาพ
ตราบใดที่ข้อเสนอเลือกในเชิงยุทธศาสตร์ยังดำเนินไปในรูป
แบบเบอร์ใครเบอร์มัน ไม่มีการประสาน ไม่มีการตกลงร่วมกันใน ทางเป็นจริง ข้อเสนอก็ยังเป็นข้อเสนอ
โอกาสก็ยังเป็นของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ และอาจรวมถึง นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร เท่านั้น
ยิ่งเมื่อรับฟัง”กองเชียร์”ที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ว่า นายสกลธี ภัททิยกุล ไม่ว่า นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ไม่ว่า พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ไม่ว่า นส.รสนา โตสิตระกูล
ยิ่งประจักษ์ในความเป็นจริงว่ายากเป็นอย่างยิ่งที่”กองเชียร์” ทั้ง 4 กลุ่มนี้จะสามารถประสานเป็นเนื้อเดียวอย่างมีเอกภาพ
เพราะยุทธศาสตร์ของทุกเบอร์คือชัยชนะในเบอร์ของตนเอง ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะเผื่อแผ่และแบ่งคะแนนไปให้กับใคร เค้กก้อน นี้จึงดำรงอยู่อย่างกระจัดกระจาย
ไม่ว่าจะรื้อฟื้นสปิริตของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ไม่ว่าจะรื้อฟื้นสปิริตของมวลมหาประชาชนเคลื่อน ไหวในนามกปปส.ก็แทบไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา
โอกาสยังเป็นของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ มากที่สุด
ขบวนการอันก่อรูปตั้งแต่ก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 ขบวนการอันต่อเนื่องก่อนและหลังรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557 ได้แยกแตกกระจายไปแล้วโดยพื้นฐาน
เป็นการแตกกระจายในยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
เพียงสัมผัสอาการแตกฉานซานเซ็นภายในหมู่ผู้สมัครส.ก. ในสังกัดพรรคพลังประชารัฐก็เห็นอย่างเด่นชัดว่าเป็นอย่างไร
การเลือกตั้ง “ผู้ว่าฯกทม.” จึงเป็น “เส้นแบ่ง” ในทางการเมือง