อดีตรองนายกฯ ชี้ 8 ปี รัฐประหาร 2557 นานวันเข้า มรดกบาป คสช.ทำไทยตกต่ำถดถอย ชวนผู้รัก ปชต.ร่วมช่วยแก้ไขให้พ้นวิกฤต
เมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม จาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นในวาระครบรอบ 8 ปี การก่อรัฐประหารโดย คสช.ว่า 8 ปีรัฐประหาร ยิ่งนานความเสียหายยิ่งปรากฏชัด แต่จะแก้ยังไง
นอกจากการวางระบบโครงสร้างที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่มีกลไกปกป้องคุ้มครองตัวเองให้มีภูมิต้านทานต่อการเปลี่ยนแปลงแล้ว คสช.ยังได้ทิ้งมรดกบาปไว้ให้สังคมไทย ที่เห็นได้ชัดมากขึ้นทุกทีก็คือการที่ คสช.ออกคำสั่งนับร้อยนับพันคำสั่ง และการที่ สนช.ออกกฎหมายนับร้อยๆ ฉบับด้วยกระบวนการออกกฎหมายที่ไม่ชอบธรรม และมีเนื้อหาที่ล้าหลัง ขัดขวางการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศในด้านต่างๆ
ใน 2-3 ปีมานี้ ไม่ว่าสังคมไทยจะแตะไปที่ปัญหาไหนก็จะพบว่าระบอบเผด็จการ คสช.ได้ทิ้งปัญหาไว้มากว่าที่เคยคิดกัน เช่น
-ระบบของตำรวจที่ว่าต้องปฏิรูปกลับล้าหลังลงไปอีก
-การกระจายอำนาจสู่ประชาชนในท้องถิ่นถอยหลังไปไม่ต่ำกว่า 20 ปี จากคำสั่ง คสช.และระเบียบต่างๆ
-ระบบโครงสร้างในการบริหารจัดการการศึกษาก็เสียหายด้วยคำสั่ง คสช.และกำลังจะทำให้ล้าหลังลงไปอีกด้วยกฎหมายที่กำลังพิจารณากันอยู่
-การประมงของไทยเสียหายมหาศาลอย่างต่อเนื่องและยากต่อการแก้ไข เนื่องจากเกี่ยวข้องกับคำสั่งและกฎหมายเป็นร้อยๆ เรื่อง
-การดูแลป่าถูกวางระบบไว้ด้วยแผนยุทธศาสตร์ คำสั่งและกฎหมายต่างๆ ทำให้แยกประชาชนออกจากป่าและทำให้พื้นที่ป่าของประเทศมีแต่จะลดน้อยลง
-ระบบที่ดูแลแรงงานข้ามชาติถูกวางไว้ในทางที่เป็นปัญหาอุปสรรคต่อการประกอบการของภาคเอกชน และต่อครอบครัวที่ต้องอาศัยแรงงานข้ามชาติ แต่ระบบนี้กลับเอื้อประโยชน์ให้กับผู้มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบมากกว่า
การบริหารราชการของประเทศเรานั้น ข้าราชการแต่ละหน่วยงานต่างก็ถือกฎหมายคนละหลายฉบับอยู่ในมือ เมื่อกฎหมายจำนวนมากเป็นปัญหาก็จำเป็นต้องแก้กฎหมาย แต่การแก้กฎหมายในรัฐสภาตามกติกาที่เป็นอยู่ไม่มีทางสะสางปัญหาที่ถูกสร้างไว้อย่างซับซ้อนยุ่งเหยิงได้ทันการณ์เลย
คสช.และ สนช.ออกกฎหมายกองพะเนินเทินทึกในชั่วพริบตา แต่ในสมัยประชุมหนึ่งๆ รัฐสภาออกกฎหมายไม่กี่ฉบับ ซึ่งก็ไม่แน่ด้วยว่าจะเป็นกฎหมายที่เป็นประโยชน์หรือไม่ด้วย
ในขณะที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตในหลายด้านนี้ แต่ละประเทศต้องปรับตัวและเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ประเทศไทยอยู่ท้ายแถวในการฟื้นเศรษฐกิจและในการพัฒนาประเทศอีกหลายด้าน
กฎกติกาที่คณะรัฐประหารเมื่อ 8 ปีก่อนวางไว้เพื่อรักษาอำนาจไว้ในมือของตนเองและพวกพ้อง กำลังเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการแก้ปัญหาและพัฒนาประเทศ
ประเทศไทยจะหลุดพ้นจากวิกฤตที่มีแนวโน้มจะยืดเยื้อนี้ได้ ผู้รักประชาธิปไตยทั้งหลายคงต้องช่วยกันสื่อสารทำความเข้าใจให้ผู้ที่ได้รับความเสียหายจากวิกฤตทั้งหลายมองเห็นความจำเป็นที่จะต้องร่วมกับประชาชน เปลี่ยนแปลงกฎกติกาเสียใหม่ให้เอื้อต่อแก้ปัญหาและการพัฒนาประเทศ