คำถามต่อ ประยุทธ์ จันทร์โอชา จากปัญหาในพลังประชารัฐ
ในความคึกคักทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นการ ‘แลนด์สไลด์’ ของพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าจะเป็นการ ‘เปลี่ยนประเทศ’ อันประสานและ ร่วมมือกันระหว่างคณะก้าวหน้าและพรรคก้าวไกล
ถามว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งถือว่าเป็น ‘เรือธง’ ที่อยู่ในการ กำกับของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นอย่างไร
ไม่เพียงแต่เมื่อเดือนมกราคมจะเปิดปฎิบัติการ ‘ขับ’ กลุ่มของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกไปเป็นจำนวน 18 คนอันนำไปสู่การเกิดขึ้นของพรรคเศรษฐกิจไทยเท่านั้น
หากบรรยากาศก่อนเปิดประชุมรัฐสภาสมัยสามัญก็มีการ เคลื่อนไหวกลุ่มย่อยที่ปั่นกระแสและจับมือร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการเปิดโปงรัฐบาลโดยคนของพรรคพลังประชารัฐ
ยิ่งเมื่อผ่านการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ก็ยิ่งสัมผัสได้ในความขัด แย้งและแตกแยกเมื่อผู้สมัครสก.ส่วนหนึ่งไม่เพียงแต่ไม่ปฏิบัติตามคำชี้แนะของพรรคหากแต่เอนเอียงไปยังผู้สมัครอื่น
การเคลื่อนไหวที่สะท้อนถึงปัญหาอันเป็นความขัดแย้งแตก
แยกภายในพรรคพลังประชารัฐเช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาล ไม่เป็นผลดีต่อพรรคพลังประชารัฐ
ที่สำคัญอย่างที่สุดก็คือ ไม่เป็นผลดีต่อความปรารถนาที่จะอยู่ในอำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
ระยะเวลาที่เหลืออยู่ไม่ถึงปีก่อนถึงวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งจะครบวาระของสภาผู้แทนราษฎร เมื่อมองจากปัญหาของพรรคพลัง ประชารัฐจึงแทบมองไม่เห็นความหวังใดๆ
ในเมื่อพรรคพลังประชารัฐอันเป็น ‘เรือธง’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่สมประกอบ ไม่แข็งแกร่ง
ความหวังที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะนำพรรคพลังประชารัฐไปสกัดยับยั้งยุทธศาสตร์ ‘แลนด์สไลด์’ ของพรรคเพื่อไทยจึงริบหรี่เป็นอย่างยิ่ง
ขณะที่ ความหวังของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่จะเตรียมสร้างพรรคอย่างพรรคไทยสร้างชาติซึ่งเคยอยู่ในมือของ นายเสกสกล อัตถาวงศ์ ก็ยังไม่เป็นรูปเป็นร่าง
ความคึกคักของพรรคเพื่อไทยจึงครองด้านหลักทางการเมือง
มีคำถามตามมามากมาย ไม่ว่าจะต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะต่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ว่าจะต่อ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ต่อจังหวะก้าวทางการเมืองในอีกไม่ถึง 1 ปี
เป็นคำถามต่อเอกภาพภายในของพรรคพลังประชารัฐ
เป็นคำถามต่อเอกภาพและความเป็นหนึ่งเดียวระหว่างพี่น้องใน ‘กลุ่ม 3 ป.’ ว่าเหนียวแน่นและมั่นคงมากน้อยเพียงใด
เป็นคำถามต่ออนาคต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เด่นชัด
