เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังหารือกับผู้บริหารของสำนักงานข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) กรณีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 5/2559 มาตรการปรับปรุงประสิทธิภาพในการปฏิบัติราชการ ที่เปิดตำแหน่งข้าราชการอีก 50 อัตราว่า เป็นการดำเนินการในทางปฏิบัติ สืบเนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 5/2559 เรื่องการประเมินข้าราชการ ซึ่งในคำสั่งนี้พูดถึง 2 เรื่องโดยท่อนแรกพูดถึงเรื่องการประเมิน วิธีประเมิน ผู้ประเมิน ส่วนท่อนที่สองพูดถึงเรื่องอัตรากำลังที่ไปตั้งไว้ 50 อัตราพิเศษที่ก.พ. แต่หลายคนนำ 2 เรื่องมาปนกัน แล้วเข้าใจว่าใครผ่านประเมิน ไม่ผ่านประเมิน ตกประเมินก็จะลงอยู่ใน 50 อัตรา ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่ เป็นคนละเรื่องกัน โดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. สั่งการเรื่อง 50 อัตราไว้นานแล้ว แต่ยังไม่ถึงจังหวะเวลาที่จะทำ เมื่อมีเรื่องประเมินการทำงานของข้าราชการ แต่เมื่อได้ข้อสรุปเรื่อง 50 อัตรา จึงนำมาใส่ไว้ในประกาศฉบับเดียวกันเท่านั้น
รองนายกฯกล่าวต่อว่า เรื่องการประเมินการทำงานของข้าราชการ เคยพูดไว้แล้วว่าประเมินเพื่ออะไร แล้วใครเป็นผู้ประเมิน เมื่อประเมินแล้วจะทำอย่างไรต่อ จึงขอชี้แจงเรื่อง 50 อัตรา ที่มีการออกข่าวตามโซเซียลมีเดีย ทำให้เกิดความแตกตื่นตกใจว่ามี 50 อัตราเอาไว้รองรับคนประเภทใด ต้องบอกว่าไม่ได้มีไว้เพื่อเป็นโทษ แต่มีไว้สำหรับรับตำแหน่งระดับรองอธิบดี(ซี 9) เท่านั้น ซึ่งในทางกฎหมายใช้คำว่าผู้อำนาจการสำนักและนักบริหารต้นคือรองอธิบดี รองผู้ว่าราชการจังหวัด ซึ่งการเปิด 50 อัตราจะรองรับคนที่เป็นซี 9 แล้วมีความจำเป็นที่ต้องออกมา เช่น อาจจะมีความผิดก็ต้องให้ออกเพื่อตำแหน่งว่างให้คนอื่นเข้าไป กรณีไม่ได้มีความผิดแต่จำเป็นที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพกลุ่มประเทศจี 77 จึงต้องมีทีมงานไปทำหลายกระทรวงเพื่อช่วยกันทำงานที่ต่างประเทศ โดยติดตำแหน่งซี 9 ติดตัวไปช่วยราชการด้วย ซึ่งไม่ถูกต้องจึงเอามาพักไว้ที่ 50 ตำแหน่งเพื่อให้ตำแหน่งที่ติดตัวไปว่างลง แล้วหาคนอื่นมาทำแทน มิเช่นนั้นจะกลายเป็นงานเก่าและงานใหม่เสียทั้งหมด
“อีกประเภทหนึ่งคือซี 8 ที่ควรจะได้ขึ้นระดับซี 9 ในกรมและกระทรวงนั้นๆ แต่มีเหตุที่ขึ้นไม่ได้เช่นอัตราไม่มี ก็จะเอาคนพวกนี้มาขึ้นระดับ 9 ที่อัตราพิเศษ 50 ตำแหน่งนี้ แล้วเมื่อตำแหน่งในกระทรวงต้นสังกัดว่างลงก็อาจจะส่งกลับ กรณีนี้ถือเป็นการปูนบำเหน็จความชอบ แล้วอีกประเภทหนึ่งคือเปิดไว้สำหรับแก้ปัญหากรณีการแต่งตั้งโยกย้ายในกรมหรือกระทรวงใดๆ แล้วเกิดมีการฟ้องศาลปกครองว่าย้ายผิด และศาลปกครองตัดสินว่าย้ายผิดจริง ทำให้เกิดปัญหาเพราะต้องถอยกลับไปอยู่ที่เดิม ยกตัวอย่างในกระทรวงการคลังเคยมีรองอธิบดีได้รับแต่งตั้งเป็นอธิบดีคือซี 10 และได้สลับไปเป็นอธิบดีกรมต่างๆ แต่มาวันหนึ่งศาลปกครองตัดสินว่าผิดตั้งแต่ตั้งเป็นอธิบดีหนแรก แล้วต้องกลับไปเป็นรองอธิบดี แต่ปรากฏว่าตำแหน่งที่ถอยกลับไปมีคนอื่นขึ้นมาแทนแล้ว เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นเกือบทุกกระทรวง ตำแหน่ง 50 อัตราก็จะเยียวยาได้ในจุดนี้ และวันหนึ่งหากจะขึ้นซี 10 ก็ว่ากันอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม คิดว่า 50 อัตราอาจจะไม่เพียงพอเพราะมีการย้ายผิดๆ ถูกๆ จำนวนมาก ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดว่าจะมีใครบ้างที่เป็นล็อตแรกมาอยู่ใน 50 อัตรานี้” นายวิษณุกล่าว
