09.00 INDEX ‘ประวิตร’ หมดสถานะ ‘กันชน’ อะไร ย่อมเกิดได้ ทางการเมือง
กรณีของ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา กำลังเป็น “บทเรียน” อันทรงความหมายยิ่งในทางการเมือง
เหมือนกับเป็นการเตือน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
หากในความเป็นจริง ยังเท่ากับเป็นการเตือนไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และรวมถึง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้
ถามว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้ พล.อ.วิชญ์ เทพดัสดิน ณ อยุธยา เป็นหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว แม้ว่า จะเป็นตัวแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก็ตาม
คำตอบอย่างเป็นรูปธรรมอันออกมาจากปาก พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา เอง เนื่องจากมีความขัดแย้งกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า จนเกิดความอึดอัดและอยากลาออก
ยังไม่ทันที่ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา จะได้ยื่นใบลาออก ก็เกิดการเคลื่อนไหวจากกรรมการบริหารพรรคแสดงความต้องการจะลาออก ออกมาก่อน
ผลก็คือ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ก็ต้อง “ออก”
เกมการเมืองนี้เล่นกันซึ่งหน้า ตรงไปตรงมา และไม่เกรงใจ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลยแม้แต่น้อย
สถานการณ์นับแต่เดือนกันยายน 2564 เป็นต้นมา เป็นสถานการณ์อันแสดงให้เห็นปัญหาที่เริ่มจากความขัดแย้งพัฒนาเป็นการแตกหักและลงเอยด้วยการแยกตัว
คำสั่งปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากรัฐมนตรีแม้ต้อง การให้เป็น “หมัดเด็ด” แต่ ณ วันนี้ก็ยืนยันแล้วว่าไม่ใช่
ทุกอย่างเข้าทำนองตามที่โบราณสอน “ประเพณีตีงูให้หลังหัก มันก็มักทำร้ายในภายหลัง” ในเมื่อทางออกคือการขับออกจากพรรคพลังประชารัฐนั่นหมายถึงการเกิดพรรคเศรษฐกิจไทย
เมื่อพรรคเศรษฐกิจไทยคือฐานที่มั่นสำคัญในทางการเมืองที่ มี ส.ส.อยู่ในมือ 16 คน นั่นหมายถึงกำลังอันทรงความหมายและสามารถส่งผลสะเทือนในทางการเมืองได้
พลันที่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตกอยู่ในสถานะขาลงการเร่งเปิดเกมรุกจึงเริ่มขึ้นและจะทวีความดุดันมากยิ่งขึ้น
ผลจากการอัปเปหิ พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ออกจากพรรคเศรษฐกิจไทย ความหมายก็คือการตัดสะพานเชื่อมอันมาจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ออกไป
นั่นหมายถึงการปะทะโดยตรงกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
วินาทีนี้เป็นต้นไปโอกาสที่จะเกิดการสัประยุทธ์ระหว่าง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ชัดเจน
ในเมื่อไม่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็น “กันชน” อีกแล้ว
