บทนำมติชน : ต้องการเปลี่ยนแปลง
น.ส.พรพรรณ บัวทอง นักวิจัย สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เผยว่า สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สํารวจความคิดเห็น ระหว่างวันที่ 24-27 พฤษภาคม 2565 พบว่า คนกรุงเทพฯมองว่าการที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ด้วยคะแนนเสียงจํานวนมาก เพราะคนกรุงเทพฯต้องการการเปลี่ยนแปลง ร้อยละ 69.52 รองลงมาคือ นโยบายดี น่าจะทําได้จริง ร้อยละ 43.83 โดยมองว่าว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ จะเปลี่ยนเมืองหลวงกรุงเทพฯให้ดีขึ้นได้ ร้อยละ 69.10 ไม่แน่ใจ ร้อยละ 28.80 และไม่ได้ ร้อยละ 2.10 ผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก.ครั้งนี้ค่อนข้างมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงการเมืองไทยในภาพใหญ่ ร้อยละ 46.52 สิ่งที่อยากฝากถึงผู้ว่าฯคนใหม่ คือ ขอให้ทําตามที่หาเสียงไว้รักษาสัญญา ร้อยละ 71.96 รองลงมาคือ แก้ปัญหาต่างๆ เช่น จราจร น้ำท่วม ร้อยละ 63.14
น.ส.พรพรรณระบุอีกว่า จากผลการสํารวจสะท้อนให้เห็นถึงความหวังของคนกรุงเทพฯที่มีต่อการเลือกตั้งครั้งนี้ว่าจะเป็นแนวทางไปสู่การเปลี่ยนแปลงเมืองหลวงให้ดีขึ้น โดยคะแนนถล่มทลายกว่า 1.3 ล้านคะแนนนี้เพราะคนกรุงเทพฯต้องการที่จะเปลี่ยนจากสิ่งเดิมๆ ที่ผ่านมา และเล็งเห็นว่าว่าที่ผู้ว่าฯกทม.คนใหม่มีนโยบายดี น่าจะทําได้จริง และชื่นชอบในบุคลิกส่วนตัว ที่สําคัญคนกรุงฯมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะกระเพื่อมไปยังการเมืองใหญ่ด้วย ดังนั้น ในการเลือกตั้งใหญ่ครั้งหน้า พรรคการเมืองคงต้องทําการบ้านให้หนักขึ้น เพราะทิศทางลมของการเมืองกําลังเปลี่ยนไป และประชาชนไม่ได้ตัดสินใจบนเหตุผลแบบเดิม
แลนด์สไลด์ใน กทม.ไม่ใช่เรื่องที่เกิดในจังหวัดเดียวแน่นอน แต่เป็นผลสะเทือนจากความรู้สึกของประชาชน ที่ผิดหวังต่อการบริหารงานของผู้มีอำนาจ เมื่อคน กทม.ต้องการเช่นนี้ คนในจังหวัดต่างๆ ก็ย่อมมีความต้องการในทิศทางเดียวกัน ผลสำรวจนี้ระบุว่า จะเกิดแรงกระเพื่อมไปยังการเมืองระดับชาติด้วย พรรคการเมืองต้องทำงานให้หนัก เพราะทิศทางลมกำลังเปลี่ยนไป ประชาชนต้องการความเปลี่ยนแปลงเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต้องการผู้นำที่กระทบไหล่ ถามไถ่ทุกข์สุขเพื่อนำไปแก้ไขปัญหา มิใช่ผู้นำจากกติกาที่เขียนกันเอง ทำให้ประชาชนถูกมองข้ามและละเลย
