เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 30 พฤษภาคม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯ กทม.) พร้อมคณะ ลงพื้นที่บริเวณสกายวอล์กแยกสาทร-นราธิวาส (สะพานช่องนนทรี) เขตสาทร กรุงเทพมหานคร พร้อมกับนายชาติชาย กุละนำพล ผู้อำนวยการเขตสาทร, นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ว่าที่ ส.ก.เขตยานนาวา พรรคก้าวไกล, นายอานุภาพ ธารทอง ว่าที่ ส.ก.เขตสาทร พรรคก้าวไกล ร่วมลงพื้นที่ด้วย เพื่อเตรียมตัวนั่งรถโดยสารบีอาร์ที ไปยังโซนพระราม 3 เพื่อดูถนนที่มีสภาพชำรุด เนื่องจากการก่อสร้าง
ในตอนหนึ่งนายชัชชาติกล่าวถึงประเด็นรถโดยสาร ‘บีอาร์ที’ ว่า รถโดยสารดังกล่าวบริหารจัดการโดยเอกชน มีค่าใช้จ่ายต่างๆ ทั้งค่าทำความสะอาด ค่ารักษาความปลอดภัย ซึ่งองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นเคยเปิดเผยว่าขาดทุนปีละ 200 ล้านบาท ปัญหาคือป้ายหยุดรถห่าง เพิ่มป้ายหยุดรถเพิ่มไม่ได้ เพราะต้องทำโครงสร้างข้ามตรงกลาง และเป็นระบบปิดที่ต้องแตะบัตรเข้าออกเหมือนรถไฟฟ้าบีทีเอส
“เคยมีแนวคิดเปลี่ยนรถชานต่ำมาวิ่ง ขึ้นรถตามสี่แยก เหมือนบีอาร์ทีที่เกาหลีใต้ ที่ป้ายหยุดรถจะอยู่ทางข้ามถนนตามไฟแดง อนาคตอาจจะไม่ทำโครงสร้างคร่อม อาจจะเก็บราคาเดียว 5 บาทตลอด เพิ่มป้ายให้ถี่ขึ้นตามแยก ไม่ได้บอกว่าจะเลิกนะ ต้องไปพยายามดูว่าคุ้มทุนมากแค่ไหน ต้องดูตัวเลข ดูค่าบริหารจัดการ” นายชัชชาติกล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่จะมีรถบีอาร์ทีครอบคลุมทั่ว กทม. นายชัชชาติกล่าวว่า ทำได้ แต่ต้องจัดให้ดี เพราะเสียเลนถนนไป 1 เลน ส่วนตัวคิดว่าทำเป็นช่องเดินรถเมล์ (Bus Lane) ดีกว่า รถเมล์คันไหนก็เข้ามาได้ เหมือนสมัยเมื่อ 20 ปีที่แล้ว
ต่อมา นายชัชชาติเดินเข้าสถานีสาทร สอบถามพนักงานประจำสถานีซึ่งให้ข้อมูลว่ามีผู้โดยสารใช้งานต่อวันประมาณ 8,000 คน มากที่สุดช่วงเวลาเร่งด่วน วันจันทร์ถึงวันศุกร์ รถที่ใช้ในระบบมี 15 คัน มีผลการดำเนินงานขาดทุน 120 ล้านต่อปี ปัญหาคือรถล่าช้าจากการจราจรติดขัด บริเวณแยกท่าพระ เพราะใช้เลนจราจรร่วม อยากให้มีการดำเนินการต่อเพราะมีนักเรียน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ใช้งานเป็นประจำ เนื่องจากขึ้นฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย
นายชัชชาติกล่าวว่า ถ้าค่าโดยสาร 15 บาท มีผู้ใช้บริการ 10,000 คน แต่ถ้าค่าโดยสาร เหลือ 5 บาท จะมีผู้ใช้บริการ 30,000 คน ถือว่าเป็นการยืดหยุ่นของราคา ราคาต่ำความต้องการใช้งานมากขึ้น แต่มีรายได้เท่าเดิม แต่ตอนนี้รถมีบริการไม่เพียงพอ
