ทั้งที่ผ่านทั้งสถานการณ์ รัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 มาแล้ว 8 ปี ทั้งที่ผ่านสถานการณ์เลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562 มาแล้ว 3 ปี และกำลังจะหมดวาระในปี 2566
แต่บทบาท “เด่น” ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังวนเวียนอยู่กับ “จำนำข้าว” และความเสียหายกว่า 7 แสนล้านบาท
นั่นก็คือ ยังอยู่กับ นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
ขณะที่การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ไม่ว่าจะมาจาก นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล
ต่างมองข้าม 8 ปี หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ต่างทะยานจากสถานการณ์เลือกตั้งอย่างเป็นการทั่วไปเมื่อเดือนมีนาคม 2562
นั่นก็คือ มีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเสนองบประมาณในแบบของพรรคเพื่อไทย มีความพร้อมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะเสนองบประมาณในแบบของพรรคก้าวไกล
จึงไม่แปลกที่ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเน้นอย่างหนักแน่นถึงสภาพที่แทบไม่มีการเปลี่ยนแปลงของงบประมาณ
ไม่ว่าเมื่อหลัง “รัฐประหาร” ไม่ว่าเมื่อหลัง “การเลือกตั้ง”
ขณะที่กระบวนการ งบประมาณยังย่ำซ้ำรอยเดิม นั่นก็คือนำเสนอผ่านเอกสารในแบบ “อนาล็อก” แม้จะเหยียบเข้าสู่โลกแห่งยุค “ดิจิทัล” ก็ยังอยู่กับแอพพลิเคชั่นดึกดำบรรพ์
อย่าได้แปลกใจหากเมื่อพรรคก้าวไกลร่วมมือกับภาคประชาสังคมก็สามารถแปลงพีดีเอฟมาเป็นเอ็กเซลได้
และอย่าได้แปลกใจ หากเมื่อพวกเขาผ่านกระบวนการแฮกกาธอนอย่างหนักก็สามารถ “อ่าน” และ “ตีความ” งบประมาณได้อย่างคมชัด และนำเสนอผ่านเทคนิคที่ทันสมัย
ภาพสะท้อนในห้วงแห่งการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ จึงสะท้อนมุมหนึ่งอันเป็นมุมเก่า ซึ่งติดอยู่กับปากเปล่าและกระดาษ กับอีกมุมหนึ่งซึ่งมากด้วยข้อมูลและสไลด์แพรวพราว
การปะทะตลอดเวลาแห่งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ
จึงเป็นการปะทะระหว่าง “อนาล็อก” กับ “ดิจิทัล” อย่างเด่นชัด
การดำรงอยู่ของรัฐบาล โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นตัวแทนจึงเป็นการดำรงอยู่อย่างจมกับ “อดีต” ขณะที่อีกด้านหนึ่งอันมาจากพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย มองไปยัง “อนาคต”
เป็นการตระเตรียมเข้าสู่ยุคใหม่ภายหลัง “เลือกตั้ง” หน้า
จึงเป็นการตระเตรียมในลักษณที่เป็นการวิพากษ์ “รัฐบาล” และนำเสนอภาพแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างมีความหวังสู่อนาคต
นั่นก็คือ การปะทะต่อสู้ระหว่าง “ดิจิทัล” กับ “อนาล็อก”
