“หมอสงค์” ยันลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไม่มีขัดแย้งกับ “เสรีพิศุทธ์”

“หมอสงค์” ยันลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ไม่มีขัดแย้งกับ “เสรีพิศุทธ์”

เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2565 นพ.ประสงค์ บูรณ์พงศ์ หรือหมอสงค์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเสรีรวมไทย อดีต ส.ส.นครพนม กว่า 10 สมัย อดีตรองหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และยังเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ออกมาเปิดเผยกรณีมีข่าวรอยร้าวในพรรคเสรีรวมไทยว่า สำหรับที่มาของการลาออกจากรองหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งภายใน หรือขัดแย้งกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย แต่เป็นการบริหารจัดการการทำงานในพรรคให้ลงตัว ให้คนที่มีความเหมาะสมในการทำงานเข้าไปทำงาน เพื่อขับเคลื่อนนโยบายพรรคไปข้างหน้า เกิดประโยชน์กับประชาชนเต็มที่ อีกทั้งอยากให้คนรุ่นใหม่มีส่วนร่วมในการทำงานการเมืองบริหารงานร่วมกัน

ส่วนการทำงานในพรรคยังเหนียวแน่น ยังยืนหยัดอยู่ข้างฝ่ายประชาธิปไตย ซึ่งตนทำงานการเมืองมาร่วม 10 สมัย ขอให้มั่นใจว่าไม่เอาฝ่ายเผด็จการแน่นอน อย่างไรก็ตามในการทำงานการเมืองไม่ว่าพรรคไหนจะเกิดความขัดแย้งอะไรขึ้นกับพรรคไหน สุดท้ายประชาชนตัดสิน บางพรรคอาจจะมีการขัดแย้งลาออก ขับออก ไล่ออกบ้าง เป็นธรรมดาของเส้นทางการเมือง แต่ยังเชื่อว่าพรรคพลังประชารัฐยังมีบารมีทางการเมืองในการดูแลลูกพรรค อย่างเช่นปัญหาที่ผ่านมา มีการไล่ลูกพรรคออก

แต่สุดท้ายคนที่ออกไปยังสามารถต่อรองไปสังกัดพรรคใหม่ได้ ไม่เสียของทั้งสองฝ่าย ดูจากสถานการณ์เชื่อว่าไม่ยุบสภา ในความคิดส่วนตัว แต่อยู่นานไปยอมรับว่าจะมีแต่ผลเสีย อันนี้รับข้อมูลมาจากประชาชน ไม่ได้พูดเอง มีแต่ความล้าหลัง แต่ทำอย่างไรได้ เพราะเขาไม่ลาออก แต่เชื่อว่าสุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสิน เหมือนกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. แสดงออกถึงพลังของประชาชนที่มีความต้องการคนดีเข้าไปทำงานพัฒนาบ้านเมือง

นพ.ประสงค์กล่าวอีกว่า มีอีกประเด็นสำคัญที่พี่น้องประชาชนจะต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางการเมือง กรณีมีข่าวบางพรรคเสียงแตกในการอภิปรายร่างงบประมาณรายจ่ายปี 2565 เชื่อว่ามีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นความคิดส่วนตัวที่เป็นการแสดงความคิดเห็น ไม่มีใบเสร็จมายืนยัน และเชื่อว่ามีการแจกกล้วย หรือเป็นการต่อรองของ ส.ส.บางคน ระหว่างพรรค เพื่อต้องการจะย้ายพรรค เพราะฉะนั้นการเรื่องตั้งทุกครั้ง ประชาชนต้องเข้าใจทิศทางการเมือง เข้าใจประชาธิปไตย จะต้องเลือกคนที่จะเข้าไปต่อสู้เพื่อประชาชน ต้องใช้อำนาจประชาชนในการตัดสิน แสดงพลังร่วมกัน จะหมดปัญหายึดอำนาจทางการเมือง โดยที่ผ่านมาเกิดการยึดอำนาจ เพราะประชาชนไม่เข้าใจการเมือง เข้าไม่ถึงการเมือง

Advertisement

สำหรับการเลือกตั้งสมัยหน้า เชื่อว่าบัตร 2 ใบ เลือกคนกับเลือกพรรค ถือว่าเป็นเรื่องดี เป็นธรรมสำหรับนักการเมือง ให้ประชาชนได้ตัดสินใจ เลือกพรรค เลือกคนแยกกันได้ ถือว่าเป็นระบบที่ดี ทำให้พรรคการเมืองแต่ละพรรคจะต้องหาผู้สมัครที่มีความรู้ความสามารถ ชนะใจประชาชน ลงสมัครเลือกตั้ง และเป็นการเลือกตั้งที่ตื่นเต้นพอสมควร ส่วนพรรคไหนสร้างความดีให้ประชาชนเห็นจะได้เปรียบ สำหรับปัจจุบันยังทำงานร่วมกับเสรีรวมไทย แต่อนาคตการเมืองขอให้มีการยุบสภาก่อน ยืนยันไม่เอาฝ่ายเผด็จการแน่นอน หากจะมีการย้ายพรรคต้องเป็นฝ่ายประชาธิปไตย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image