เดินหน้าชน : มาตรฐานใหม่ โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน

ที่ประชุมของ กกต.มีมติประกาศรับรอง เดินหน้าชน : มาตรฐานใหม่ โดย เสกสรรค์ กิตติทวีสิน ขึ้นเป็นผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา หากนับจนถึงวันนี้เท่ากับ ผู้ว่าฯ กทม.คนที่ 17 กำลังทำงานครบ 2 สัปดาห์

เป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก แต่กลับเป็นการทำหน้าที่สร้างสีสัน ได้รับความสนใจไม่ใช่แค่คนกรุงเทพฯ หากยังมีประชาชนจากจังหวัดอื่นๆ กดติดตามรับชมไลฟ์สด รวมถึงคนไทยในต่างแดนที่เฝ้าติดตาม

ต่างได้เห็นและติดตามข่าวสารการทำงานของชัชชาติอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แสงตะวันยังไม่ขึ้นจนถึงพระอาทิตย์ตกดินไปแล้ว อีกทั้งไม่มีวันว่างให้พักผ่อน วันเสาร์และอาทิตย์คือวันที่ต้องลงพื้นที่พบปะประชาชน ผู้ว่าฯกทม.ป้ายแดงบอกว่า ปัญหาของพี่น้องประชาชนไม่มีเสาร์-อาทิตย์ ทุกเสาร์-อาทิตย์ปัญหามันก็ยังดำเนินต่อ และมีเวลาจำกัดแค่ 4 ปี ดังนั้น ถ้าหยุดเสาร์-อาทิตย์ ก็ 2 ใน 7 วันแล้ว ถ้าหยุดไป วันหายไปตั้งเยอะ ก็ต้องทำให้เต็มที่

มีการตั้งประเด็นคำถามและแสดงความคิดเห็นในหลายวงสนทนาว่า เหล่านี้คือมาตรฐาน “ชัชชาติ” ที่คนไทยอยากเห็นมานานแล้ว เป็นมาตรฐานที่ต่อไป คนที่บอกว่าพร้อมเสียสละเพื่อมาทำหน้าที่ตัวแทนของประชาชนจะต้องใช้มาตรฐานที่เข้มข้นแบบนี้ หรือไม่ลดหย่อนไปกว่านี้

Advertisement

ขณะเดียวกัน เมื่อมีคนชอบ ย่อมมีคนอีกกลุ่มที่คาใจ อาจไม่ได้นิยมไปด้วย มองว่ายังเป็นช่วง “ข้าวใหม่ปลามัน” อะไรก็หอมหวนไปหมด มีการยิงคำถามถึงผู้ว่าฯกทม.คนนี้ว่า “โอเวอร์พีอาร์” หรือประชาสัมพันธ์เกินจริงหรือไม่

ก็มีคำตอบของ “ชัชชาติ” ชี้แจงว่า ไม่ได้พีอาร์เกินจริง แต่อยากให้ประชาชนเห็นว่า กทม.และส่วนราชการทำงานกันอย่างไร พร้อมน้อมรับทุกอย่าง เชื่อว่าเป็นทางเลือกของประชาชน

“ขณะนี้เลือกตั้งเสร็จแล้วไม่จำเป็นต้องพีอาร์อะไร พีอาร์ไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่อยากให้เห็นการทำงานและให้กำลังใจคนทำงานช่วยกันแก้ปัญหา”

Advertisement

“เหตุผลที่ต้องไลฟ์เฟซบุ๊กเพราะแนวร่วม เช่น การจราจร ทุกคนจะได้ร่วมกันแก้ไขปัญหา และเคารพกฎจราจร ขอขอบคุณสำหรับคำวิจารณ์ บางผลงานไม่ใช่ของเรา เป็นของผู้ว่าฯกทม.คนก่อน หลายอย่างมีมาก่อนแล้ว ดังนั้นอย่าให้มันมีประเด็น เพราะเราทำด้วยความตั้งใจจริงที่ต้องการสื่อสาร” ชัชชาติกล่าวไว้

เหล่านี้คงต้องให้ “เวลา” เป็นคำตอบว่า ถึงวันที่ครบรอบ 3 เดือน 6 เดือน หรือครบรอบ 1 ปี ของการทำงานหน้าที่ผู้ว่าฯกทม.
มาตรฐานของ “ชัชชาติ” ยังอยู่ครบหรือไม่ ยังเต็มไปด้วยความเข้มข้น ในการดำเนินการตามนโยบายการหาเสียงที่
ปักหมุดไว้อย่างน้อย 214 ข้อหรือไม่

สำหรับวิธีการไลฟ์สดทุกวัน เพื่อให้ประชาชนได้เห็นการทำงานนั้น ก็เหมือนกับบุคคลทั่วไป ทั้งภาครัฐและเอกชน ที่ทำเช่นกัน เป็นการสื่อสารถึงกลุ่มประชาชนได้ทันที ไม่ได้เป็นการสิ้นเปลืองงบประชาสัมพันธ์ใดๆ และการจะติดตามไลฟ์สดในโซเชียลนั้น คนที่สนใจจะต้องเลือกที่กดติดตามหรือรับชมด้วยตัวเองผ่านไลฟ์สดเอง และยังได้ตรวจสอบว่าผู้ว่าฯกทม.ที่เลือกเข้ามา กำลังทำหน้าที่อย่างที่เคยกล่าวไว้ช่วงหาเสียงหรือไม่

ขณะเดียวกัน การเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครที่ผ่านมา กำลังถูกมองเป็นมาตรฐานของประชาชนทั้งประเทศอีกเหมือนกันว่า การเลือกผู้แทนหรือ ส.ส.ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในสภาผู้แทนฯ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในอีกไม่นานนัก ควรจะเลือกบุคคลที่เหมาะสมให้มาทำหน้าที่สมกับได้รับเลือก เพราะเห็นแล้วว่า หากเลือกคนที่ใช่จริงๆ บ้านเมืองก็จะได้รับเอาใจใส่ดูแลแก้ไขและพัฒนาควบคู่พร้อมกันไปด้วย

ขณะที่สภาผู้แทนฯ หรือภาคการเมืองท้องถิ่นต่างๆ ก็มีให้เห็นแล้วว่า ใครทำเพื่อประชาชน หรือทำเพื่อพรรคพวกตัวเองมากกว่า ประชาชนสามารถพิจารณารับรู้ได้ ตัดสินได้ว่าจะเลือกอนาคตของประเทศเป็นอย่างไร

ดังนั้น หากคนที่คิดว่าจะมาทำหน้าที่ผู้แทนของประชาชนแล้ว ก็น่าจะทบทวนตัวเองให้มากขึ้นว่าควรจะทำอะไรเพื่อประชาชนและบ้านเมืองเป็นอย่างแรกมากกว่า เพราะมิฉะนั้น เมื่อถึงคราวของ “เสียงสวรรค์” ได้ทำหน้าที่ ก็จะถูกลงโทษอย่างสาสมเช่นกัน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image