ก้าวหน้า จับมือ ก้าวไกล จัดเวทีสัญจรภูเก็ต ‘ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น’ แก้รธน.หมวด14

คณะก้าวหน้า จับมือ พรรคก้าวไกล จัดเวทีสัญจร ภูเก็ต แคมเปญ “ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น” แก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14

เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 11 มิถุนายน คณะทำงานก้าวไกล จังหวัดภูเก็ต จัดเวที ภูเก็ตจัดการตัวเอง ปลดล็อคท้องถิ่น -ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ กับปลดล็อกท้องถิ่น สัญจรภูเก็ต แคมเปญ “ขอคนละชื่อปลดล็อกท้องถิ่น” รณรงค์รายชื่อประชาชน เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น นำโดย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล และพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า โดยมีสมาชิกพรรคก้าวไกล และสมาชิกคณะก้าวหน้าในจังหวัดภูเก็ต เข้าร่วม จำนวน 100 คน ณ ห้องภาพยนตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตภูเก็ต

กิจกรรม สัญจร ปลดล็อกท้องถิ่น กับการแก้ปัญหาปากท้องประชาชน เป็นเรื่องเดียวกัน โดย ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล บรรยายเรื่องจัดงบประมาณแบบกระจายศูนย์หนทางยุติรัฐราชการรวมศูนย์, พริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบาย พรรคก้าวไกล บรรยายเรื่อง ปลดล็อกท้องถิ่น ปลดล็อกเศรษฐกิจ ปิดช่องคอร์รัปชั่น และพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า บรรยายเรื่อง กระจายอำนาจ ความหวังและการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาให้กับประชาชน

สาระสำคัญ การปลดล็อกงาน คือ เพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่นเป็นหลักในการจัดทำบริการสาธารณะ การปลดล็อกเงิน คือ เพิ่มงบประมาณ การหารายได้ใหม่ของท้องถิ่น การปลดล็อกคน คือ เพิ่มความดึงดูดของงานการเมือง ราชการในท้องถิ่น และการปลดล็อกอำนาจ คือ เพิ่มอำนาจประชาชน คืนอำนาจสู่ท้องถิ่น

Advertisement

นางสาวพรรณิการ์ วานิช กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า กล่าวว่า โครงการ “ปลดล็อกท้องถิ่น” ของคณะก้าวหน้าเป็นแคมเปญที่ทำทั่วประเทศ หลังจากเรียนรู้การทำงานการเมืองก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ เห็นถึงศักยภาพของท้องถิ่นที่มีทรัพยากรที่ดีมีสถานที่สวยงามมีคนเก่งมีความสามารถแต่กลายเป็นว่าระบบราชการของไทยไปกดเขามากกว่าจะส่งเสริมศักยภาพของท้องถิ่นเพราะว่าจะต้องรอคอยจากส่วนกลาง จากนายกรัฐมนตรีที่นั่งอยู่ กทม.ทุกอย่างเป็นคอขวดในระบบราชการกักขังศักยภาพของประเทศไทย โครงการนี้จึงเกิดขึ้นในการเข้าชื่อแก้รัฐธรรมนูญเพื่อแก้ไขระบบราชการที่รวมทุกอย่างไว้ที่ส่วนกลางและให้แต่ละท้องถิ่นมีอำนาจมีคนมีงบประมาณแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ของตัวเอง

“แคมเปญครั้งนี้จัดที่ภูเก็ต เนื่องจากมีความคาดหวังกับภูเก็ต เพราะว่าภูเก็ตมีการต่อสู้ในเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2525 มีการจัดตั้งคณะทำงานภูเก็ตจัดการตนเอง ต่อสู้มาเป็นเวลา 40 ปี และเสนอกฎหมายถึงขั้นมีการทำพ.ร.บ.การบริหารนครภูเก็ตมาแล้วสมัยปี 2536 คือจังหวัดที่มีศักยภาพสูงต้องการจัดการตนเองแต่สิ่งนี้ก็ยังไม่เคยเกิดขึ้นจริง 40 ปี ของการต่อสู้ของคนภูเก็ต ที่รู้คุณค่าการบริหารจัดการตนเองและโควิด 2 ปีที่ผ่านมา คนภูเก็ตน่าจะเป็นคนที่เจ็บปวดมากที่สุดในประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบแรงมากกับการท่องเที่ยวที่พังทลาย รัฐบาลส่วนกลางไม่มีการแก้ไขปัญหาหรือเยียวยาที่ดีพอจึงตอกย้ำทำไมแต่ละจังหวัดจึงควรมีอำนาจมีงบประมาณในการบริหารจัดการและแก้ปัญหาปากท้องคุณภาพชีวิตของคนในพื้นที่ ซึ่งการจัดเวทีสัญจรได้จัดมาหลายจังหวัดจะเน้นหนักทางภาคอีสานและภาคใต้หลายจังหวัดและจะเดินหน้ารณรงค์ในภาคใต้อีก 2-3 จังหวัด จากนั้นจะไปที่ภาคอีสานเพิ่มเติมเพราะว่าจะต้องเข้ากระบวนการรวบรวมรายชื่อส่งสภา ต้องมีการตรวจสอบรายชื่อ

แคมเปญปลดล็อกท้องถิ่นได้มีการรณรงค์รายชื่อให้ประชาชนทั่วประเทศเสนอชื่อให้ครบ 50,000คน แก้ไขรัฐธรรมนูญ หมวด 14 การปกครองส่วนท้องถิ่น ตอนนี้ได้ครบแล้ว 50,000 รายชื่อ ตามเกณฑ์ขั้นต่ำที่กฎหมายกำหนดแต่เราสามารถทำได้ถึง 55,000-56,000 รายชื่อแล้ว ภายในเวลาไม่กี่เดือน เป็นสรรพกำลังที่รวบรวมจากประชาชนทุกจังหวัดทั่วประเทศไทย ต้องขอบคุณประชาชน ยิ่งได้มากทั่วประเทศไทยที่ต้องการมีอำนาจในการกำหนดอนาคตตัวเองไม่หยุดที่ตัวเลขนี้แน่นอน จะให้ไปถึง 80,000-100,000 รายชื่อ เราก็จะทำเชื่อว่า ถ้าประชาชนได้เห็นความสำคัญว่าถ้าปลดล็อกท้องถิ่นแล้วจังหวัดมีอำนาจในการจัดการตนเองแล้วจะดีต่ออนาคต ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ท้องถิ่นได้เจริญเติบโตก้าวหน้าขึ้น โดยมีการกำหนดไว้ว่าจะรวบรวมรายชื่อให้สำเร็จภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งยังมีเวลาอีกประมาณ 1-2 เดือนเพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสมาร่วมลงชื่อกันจากนั้นจะรวบรวมรายชื่อส่งสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งถ้าเกิดว่าสภาผู้แทนราษฎรไม่มีกฎหมายอะไรต่อท้ายหรือคิวยาวเกินไปนักคาดว่าจะถูกนำเข้าสภาผู้แทนราษฎรภายในเดือนพฤศจิกายนนี้” นางสาวพรรณิการ์กล่าว

Advertisement

ทางด้าน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ผู้จัดการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรคก้าวไกล กล่าวว่า การตัดสินใจทำแคมเปญปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อพยายามส่งเสียงจากนอกสภาเข้าสภา ว่าเป็นวาระที่เร่งด่วนเป็นหัวใจสำคัญต่อการพัฒนาทุกจังหวัด เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง

“ในฐานะพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า นโยบายกระจายอำนาจเราให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ ถ้ามีโอกาสได้เป็นรัฐบาล เป็นสิ่งแรกที่เราจะเข้าไปทำแน่นอน จะเห็นว่ามีการเลือกตั้งผู้ว่ากรุงเทพมหานคร แต่ผู้ว่าฯหลายจังหวัดยังคงเป็นผู้ว่าที่มาจากการแต่งตั้งของกระทรวงมหาดไทย เป็นส่วนหนึ่งของข้อเสนอที่ต้องการให้ผู้บริหารจังหวัดมาจากการเลือกตั้งจากคนในพื้นที่ และการกระจายอำนาจจะควบคู่กับการดำเนินการท้องถิ่นให้โปร่งใสมากขึ้นเพื่อพยายามติดตามแก้ไขการทุจริต แต่โดยหลักการแล้วยิ่งกระจายอำนาจจะยิ่งทำให้การทุจริตน้อยลง” พริษฐ์กล่าวที่สุด

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image