‘ก้าวไกล’ ห่วง การจัดสรรงบ หลัง รบ.เพิ่มผู้รับสิทธิเกือบ 50% ‘กองทุนประชารัฐสวัสดิการ’ แต่งบเพิ่มแค่ 18%

‘ก้าวไกล’ ห่วง การจัดสรรงบ หลัง รบ.เพิ่มผู้รับสิทธิเกือบ 50% ‘กองทุนประชารัฐสวัสดิการ’ แต่งบเพิ่มแค่ 18%

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล นายกรุณพล เทียนสุวรรณ รองโฆษกพรรคก้าวไกล แถลงถึงคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการชี้แจงของกระทรวงการคลัง ครบทุกหน่วยงานแล้วและในสัปดาห์หน้าจะเป็นคิวของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

นายกรุณพลกล่าวว่า แต่ประเด็นที่ทางพรรคก้าวไกลมีข้อกังวล คือ การจัดสรรงบประมาณที่เกี่ยวกับกองทุนประชารัฐสวัสดิการ เนื่องจากพวกเราคิดว่าเป็นการจัดสรรงบประมาณที่ไม่น่าจะเพียงพอ เพราะเป็นการจัดงบประมาณที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วเพียง 18 เปอร์เซ็นต์ แต่รัฐบาลกำลังจะขยายกองทุนประชารัฐสวัสดิการ เป็น 20 ล้านคน จากเดิมที่มีอยู่ 13.36 ล้านคน นั่นหมายความว่าคนที่จะได้สวัสดิการจะมีเพิ่มมากขึ้นกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ แต่งบก้อนนี้เพิ่มขึ้นเพียง 18 เปอร์เซ็นต์ ทำให้สัดส่วน การใช้งบคงไม่แปรผันกับจำนวนของกองทุนฯรัฐบาลจะขยาย จำนวนผู้รับสวัสดิการเพิ่มมากขึ้น และรัฐบาลก็ไม่ได้มีแผนปรับสวัสดิการของผู้ที่ได้รับสวัสดิการนี้นั่นคือทุกคนยังคงได้รับสวัสดิการเท่าเดิมในงบประมาณที่น้อยลง รัฐบาลเองก็มีแผนที่จะรับลงทะเบียนใหม่ แต่การรับลงทะเบียนใหม่ ไม่ใช่การรับลงทะเบียนโดยไม่มีค่าใช้จ่าย ซึ่งหน่วยงานภาครัฐเองก็มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในการจัดการและลงทะเบียนรวมถึงการตรวจสอบสิทธิ ซึ่งค่าใช้จ่ายตรงนี้รวมอยู่ในงบ 18 เปอร์เซ็นต์ ที่เพิ่มขึ้นด้วย

นายกรุณพลกล่าวว่า พรรคก้าวไกลเห็นว่า งบประมาณไม่น่าจะพอ ซึ่งรัฐบาลก็ได้ตอบคำถามว่าจะนำงบกลางในเรื่องสวัสดิการของกองทุนนี้ ซึ่งเรามองว่าหากรู้อยู่แล้วว่าเราต้องใช้งบเท่าไหร่ทำไมไม่จัดสรรงบให้เพียงพอ แต่เลือกที่จะใช้งบกลางซึ่งสามารถตรวจสอบได้ยากมาก หรือในบางงบก็ไม่สามารถตรวจสอบได้เลย ที่สำคัญคืองบกลางเป็นงบฉุกเฉินที่จะใช้สำหรับเหตุการณ์ที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ซึ่งเป็นงบที่จะต้องใช้เมื่อถึงยามจำเป็นจริงๆ แต่รัฐบาลกับเลือกใช้ในการที่จะจ่ายให้กับงบกองทุนที่รู้ก่อนล่วงหน้าอยู่แล้ว

นายกรุณพลกล่าวว่า อีกเรื่องที่เรากังวล คือ การดำเนินการที่ไม่โปร่งใส สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบความไม่ปกติของการใช้งบและสุ่มตรวจผู้ถือบัตรประชารัฐสวัสดิการ 596 คน จากทั้งหมด 13.36 ล้านคน และจำนวน 350 คน จากที่สุ่มตรวจเป็นการใช้บัตรของผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งคิดเป็น 58.72 เปอร์เซ็นต์ จากที่ได้มีการสุ่มตรวจ นอกจากนี้ ยังมีการเคลื่อนไหวผิดปกติในช่วงยามเวลาวิกาล ที่คนส่วนใหญ่พักผ่อนและไม่ได้ใช้ธุรกรรมทางการเงินมาก แต่กลายเป็นมีการชำระบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในร้านเดียวกันสูงถึง 789 ครั้ง ในร้านๆ เดียว และมีผู้สวมสิทธิผู้เสียชีวิต นี่คือความไม่ปกติที่ทางพรรคก้าวไกลอยากชี้แจงให้ประชาชนทุกคนได้เห็น

Advertisement

นายกรุณพลกล่าวว่า ทั้งนี้ กมธ.งบของพรรคก้าวไกล ได้พิจารณางบนี้แล้วและเชื่อว่า ยังมีปัญหาอยู่ พรรคก้าวไกล มองว่าการจัดสวัสดิการแบบทั่วหน้าจะตอบโจทย์กว่า เพราะการจัดสวัสดิการแบบเฉพาะเจาะจงแบบของรัฐ คือจะช่วยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่จะทำให้การตรวจสอบนั้นมีค่าใช้จ่ายเป็นเรื่องยาก และที่สำคัญอาจเกิดการทุจริตสวมสิทธิอย่างที่กล่าวไปข้างต้น แต่การจัดสวัสดิการแบบถ้วนหน้าจะทำให้สิทธิของประชาชนทุกคนได้รับสวัสดิการในสัดส่วนเท่ากันไม่ว่าจะเป็นคนจนคนยากลำบาก หรือคนที่ไม่ได้มีโอกาสได้ลงทะเบียน ทุกคนก็จะได้รับสวัสดิการอย่างเท่าเทียมไม่ใช่การให้สวัสดิการเหมือนการสงเคราะห์ ในยุคที่มีการผันผวนและความไม่แน่นอนสูง ซึ่งเราไม่สามารถทราบได้ว่าวิกฤตที่เกิดขึ้นนั้นจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ การให้สวัสดิการแบบเฉพาะเจาะจงอาจจะทำให้คนที่สมควรได้บางคนตกหล่น ฉะนั้นการให้สวัสดิการแบบเฉพาะเจาะจงจะทำให้มีค่าใช้จ่ายในด้านธุรการและการตรวจสอบคุณสมบัติของผู้มีสิทธิ ซึ่งเราได้คิดคร่าวๆ ในการตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิอยู่ที่ 500 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากเราให้อย่างทั่วหน้าเราจะสามารถจัดการเงินเหล่านี้ มาเป็นสวัสดิการให้กับประชาชนได้อย่างทั่วถึง นอกจากนี้ความคืบหน้าของการเรียกร้องให้มีการถ่ายทดสดการประชุม กมธ.งบฯ เพื่อให้ประชาชนทุกคนมีส่วนร่วม แต่ก็ยังคงมีการถกเถียงกันใน กมธ.งบฯอย่างกว้างขวาง ทั้งกลัวที่จะถูกฟ้องร้อง และความลับของ กมธ.งบฯ เผยแพร่สู่สาธารณะ พรรคก้าวไกลขอให้รัฐบาลปรับตัวเอง เพราะอีกไม่ถึง 10 เดือน ก็จะครบวาระแล้ว ผ่านมา 3 ปีกว่า ประชาชนเดือดร้อน ฝากความหวังและยังไม่ได้รับสิ่งนั้นตอบแทน เหลือเวลาอีก 10 เดือน ปฏิบัติตัวให้เป็นที่พึ่งของประชาชนและเป็นแบบอย่างของเยาวชนรุ่นใหม่เลือกการจัดการธรรมาภิบาลที่ถูกต้องสักที

ผู้สื่อข่าวถามว่า มองถึงบัตรสวัสดิการประชารัฐจะมีผลต่อคะแนนเสียงของรัฐบาลในการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายกรุณพลกล่าวว่า คงจะมีผลต่อคะแนนเสียงบ้าง เนื่องจากมองได้หลายมุม เพราะบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนในการแจกให้กับผู้ที่มีรายได้น้อยคนใด คนก็ยังตราตรึงกับการที่อยู่ๆ ก็มีเงินเข้าบัญชี หรือสามารถใช้บัตรของคนที่เสียชีวิตไปแล้ว ทั้งนี้มันทำให้เกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นได้ง่าย และสามารถทำให้ไปหาเสียงล่วงหน้าได้เช่นกัน

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image