’บิ๊กตู่’จ่อบุกถิ่นเพื่อไทยที่สกลฯ รุดกราบหลวงปู่อว้าน เขมโก ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

‘บิ๊กตู่’ ลงพื้นเหยียบถิ่นเพื่อไทยที่สกลนคร รุดกราบหลวงปู่อว้าน เขมโก ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต กราบพระธาตุเชิงชุมฯ พร้อมตรวจติดตามงานตามนโยบาย สนฆ.เปิดกลยุทธ์นำสื่อสายทำเนียบฯ ลงพื้นที่เสนอข่าว

เมื่อวันที่ 14 มิ.ย.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำสื่อมวลชนลงพื้นที่จังหวัดสกลนครเพื่อติดตามผลการดำเนินงานของรัฐบาลและผลการร่วมพัฒนาพื้นที่ของชุมชนตามนโยบายของรัฐบาล ก่อนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะจะลงพื้นที่ในวันที่ 15 มิ.ย.ว่า ในทางการเมืองแม้จังหวัดสกลนครจะเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทย ที่ครองเก้าอี้ ส.ส.ทั้งจังหวัด แต่ก็เป็นพื้นที่ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เล็งเป้าหมายไว้ในอนาคต อีกทั้งการเมืองท้องถิ่นในปัจจุบัน พปชร.ก็ได้แทรกซึมไว้ในหลายพื้นที่แล้ว ซึ่งการลงพื้นที่ครั้งนี้ของ พล.อ.ประยุทธ์ นอกจากนักการเมืองท้องถิ่นแล้ว ก็จะมีนักการเมืองในพื้นที่จังหวัดใกล้เคียงมาต้อนรับด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การลงพื้นที่จังหวัดสกลนครครั้งนี้ นอกจากการตรวจราชการตามนโยบายของรัฐบาลแล้ว พล.อ.ประยุทธ์จะได้พบและสนทนาธรรมกับพระเกจิชื่อดังของจังหวัดสกลนคร ที่วัดป่านาคนิมิตต์ ต.ตองโขบ อ.โคกศรีสุพรรณ จ.สกลนคร โดยมีกำหนดเข้ากราบนมัสการหลวงปู่อว้าน เขมโก ศิษย์สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต บูรพาจารย์สายพระป่า รวมทั้งเดินทางไปยังวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร เพื่อเข้ากราบสักการะองค์พระธาตุเชิงชุมวรวิหาร และหลวงพ่อพระองค์แสน

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ของ พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่สำนักโฆษก สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี นำสื่อมวลชนจากทำเนียยนัฐบาลลงพื้นที่ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมา ซึ่งคาดว่าเป็นเร่งประชาสัมพันธ์ผลงานและนโยบายของรัฐบาลในช่วงก่อนการอภิปรายไม่ไว้วางใจ รวมทั้งการชิงพื้นที่ข่าวของนายกรัฐมนตรีด้วย

Advertisement

นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จังหวัดสกลนคร มีความอุดมสมบูรณ์ในด้านความหลากหลายทางชีวภาพ วิถีชีวิต วัฒนธรรม และภูมิปัญญาท้องถิ่น มีศักยภาพสูงในด้านการพัฒนาการท่องเที่ยว สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งจากในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างรายได้ให้ประชาชนและชุมชนท้องถิ่นได้อย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด เมือง 3 ธรรม ได้แก่ เมืองแห่งธรรมะ เมืองแห่งธรรมชาติ และเมืองแห่งวัฒนธรรม เช่น วัดถ้ำผาแด่น บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร เป็นวัดที่มีความสวยงาม เป็นแหล่งรวมงานประติมากรรมพุทธศาสนา และการแกะสลักหินทรายขนาดใหญ่ให้เป็นเรื่องราวต่างๆ เช่น ภาพแกะสลักหินทรายพระพุทธสีหไสยาสน์ รวมไปถึง สวนดอกไม้และต้นไม้ต่างๆ และองค์พญานาคปรกขนาดใหญ่ ที่มีรูปปั้นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประดิษฐานอยู่ใต้เศียรพญานาค โดยหลวงพ่อปกรณ์ กนุตวิโร พระนักพัฒนาผู้ริเริ่มพัฒนาวัดได้แรงบันดาลใจ ความเชื่อ ความศรัทธาในพระพุทธศาสนาและได้รับความร่วมมือจากคนในชุมชนร่วมกันพัฒนาวัด จนเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัด สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

ทั้งนี้ คณะสื่อมวลชนได้เยี่ยมชมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามสกลนคร จังหวัดสกลนคร ซึ่งเป็นการฟื้นฟูและพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่นในการย้อมผ้าครามให้ได้มาตรฐาน โดยมีการปลูกต้นครามเพื่อนำไปใช้เป็นวัตถุดิบประกอบการย้อมสีครามครอบคลุมพื้นที่ทั้ง 18 อำเภอ และได้พัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าย้อมครามในรูปแบบผลิตภัณฑ์ต่างๆ จนมีชื่อเสียง เป็นเอกลักษณ์ สามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชนและชุมชน โดยการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายในพื้นที่ ทั้งภาครัฐ เอกชน ศิลปิน ผู้ประกอบการ คนรุ่นใหม่เน้นความคิดสร้างสรรค์ เพื่อแสดงศักยภาพทางด้านศิลปวัฒนธรรม ภูมิปัญญาท้องถิ่น และกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งผ้าย้อมครามสกลนครได้รับการขึ้นทะเบียน GI จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา เมื่อปี พ.ศ.2549 และสภาหัตถศิลป์โลก (World Crafts Council) ได้รับรองให้จังหวัดสกลนคร เป็น “นครหัตถศิลป์โลก เจ้าแห่งครามธรรมชาติ” (World Craft City for Natural Indigo) เมื่อปี พ.ศ.2561 โดยเป็นหนึ่งในหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่ได้รับการรับรองนี้ ทั้งนี้ แบรนด์ชั้นนำของโลก อาทิ Louis Vuitton และ Christian Dior ได้นำผ้าครามไปพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ของแบรนด์ด้วย

พร้อมกันนี้ ยังได้ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริศูนย์การศึกษาการพัฒนาภูพาน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จังหวัดสกลนคร มีวัตถุประสงค์ให้เป็นสถานที่ทำการศึกษา ทดลอง แบบเบ็ดเสร็จ ทั้งการพัฒนาที่ดินการพัฒนาแหล่งน้ำ การฟื้นฟูสภาพป่า การวางแผนปลูกพืช การเลี้ยงสัตว์ การพัฒนาการเกษตรและการส่งเสริมอาชีพในครัวเรือน นำผลสำเร็จจากการศึกษาทดลองวิจัยไปขยายผลสู่ประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม โดยศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ทำหน้าที่เสมือนเป็น “พิพิธภัณฑ์ ธรรมชาติที่มีชีวิต” (LIVING NATURAL MUSEUM) เพื่อเป็นตัวอย่างแห่งด้านการเกษตรกรรม เป็นระบบบริการเบ็ดเสร็จที่จุดเดียว (ONE STOP SERVICE FOR THE FARMERS) เป็นศูนย์เรียนรู้ให้ผู้สนใจทั่วไปเข้าเยี่ยมชมและศึกษาหาความรู้ได้จากสภาพพื้นที่นำไปประยุกต์ใช้ชีวิตประจำวัน พัฒนาอาชีพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นส่งผลให้ประชาชนและประเทศชาติดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืน

“การนำสื่อมวลชนลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อลงพื้นที่จริงรับฟังข้อมูล ผลการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ก่อน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีพร้อมคณะลงพื้นที่ในวันที่ 15 มิถุนายน โดยมุ่งเน้นติดตามความก้าวหน้าการแก้ไขปัญหาความยากจน และพัฒนาคนทุกช่วงวัย” ผู้อำนวยการสำนักโฆษกฯกล่าว

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image