‘ชัชชาติ’ แจงบ้านหรูสหรัฐ 72 ล.ยกให้ลูกชาย ขายมรดกพระราม4ไปซื้อ เคยแจงป.ป.ช.แล้ว

‘ชัชชาติ’ แจงบ้านหรูสหรัฐ 72 ล.ยกให้ลูกชาย เผยขายที่ดินมรดกพระราม 4 ไปซื้อ เคยแจง ป.ป.ช.แล้ว

เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ชี้แจงผ่านรายการเจาะลึกทั่วไทย อินไซด์ไทยแลนด์ ทางช่อง MCOT HD 30 กรณีสังคมออนไลน์แพร่ภาพบ้านเดี่ยวหรู 2 ชั้น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ และมีสวนหย่อมหน้าบ้าน ราคา 72 ล้านบาท ที่เมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา ว่า

บ้านหลังนี้มีชื่อฐานข้อมูลบ้านที่มี นายแสนปิติ สิทธิพันธุ์ บุตรชาย เป็นเจ้าของบ้านตัวจริง โดยรับการโอนจากนางปรมินทร์ทิยา สิทธิพันธุ์ มารดาของนายแสนปิติ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2565 มีการประเมินราคาจากฐานภาษี ที่ 1.7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 58 ล้านบาท ขณะที่ราคาในท้องตลาดอยู่ที่ 2.2 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 72 ล้านบาท

“ทั้งนี้ เมื่อ 7 ปีก่อนได้รับมรดกที่ดินย่านพระราม 4 ที่มารดา นางจิตต์จรุง สิทธิพันธุ์ ยกให้คนละ 1 ไร่ กับนายแพทย์ฉันชาย สิทธิพันธุ์ พี่ชาย ซึ่งเคยแจ้งต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปแล้ว และได้มอบที่ดินส่วนนี้ให้กับลูกชาย แต่นายแสนปิติยังไม่บรรลุนิติภาวะ จากนั้นมีคนขอซื้อที่ดินบริเวณนั้น ซึ่งเป็นช่วงที่นายแสนปิติย้ายไปเรียนที่สหรัฐพอดี โดยมีการวิเคราะห์ว่า อสังหาริมทรัพย์ขณะนั้นที่สหรัฐยังไม่แพงมาก จึงนำเงินนี้ไปลงทุนให้นายแสนปิติ ซึ่งเงินจากการขายที่ดินกับเงินที่ซื้อบ้านมีมากพอจึงตัดสินใจซื้อด้วยราคา 1.4 ล้านเหรียญ (ประมาณ 49 ล้านบาท) โดยใส่เป็นชื่อของนางปรมินทร์ทิยา เนื่องจากนายแสนปิติยังไม่บรรลุนิติภาวะ” นายชัชชาติกล่าว

นายชัชชาติกล่าวว่า เมื่อนายแสนปิติเรียนจบ มีความคิดว่าจะขายบ้านหลังนี้ แต่ได้รับคำแนะนำจากนายหน้าขายบ้านว่าให้โอนเป็นชื่อนายแสนปิติก่อน ด้วยเหตุผลเรื่องภาษี ซึ่งก็ทำการโอนตามขั้นตอนปกติ ข้อมูลเหล่านี้สามารถดูหลักฐานได้บนออนไลน์ โดยมีหลักฐานตั้งแต่การยื่นที่ดินต่อ ป.ป.ช. หลักฐานการโอนที่ดินให้ลูก หลักฐานที่ศาลให้ดูแลเงินก้อนนี้ เพราะลูกชายยังไม่บรรลุนิติภาวะ การซื้อการโอนที่มีชื่อปรากฏทั้งหมด

Advertisement

“ของอเมริกามีการบันทึกข้อมูลที่เป็นสาธารณะ สามารถตรวจสอบได้ว่าซื้อเท่าไร บังเอิญเราไม่ได้ชี้แจง ซึ่ง 8 ปีที่ผ่านมาเราไม่ได้อยู่ในการเมืองจึงไม่มีข้อมูลเหล่านี้บันทึกอยู่ ไม่ได้มีความกังวลในส่วนเรื่องการตรวจสอบ อยู่ในจุดนี้พร้อมให้ตรวจสอบ แต่กังวลเรื่องความปลอดภัย ขออย่าเผยแพร่รายละเอียดที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัว เป็นเรื่องความปลอดภัย หากต้องการส่งต่อรบกวนให้ช่วยลบที่อยู่ออก” นายชัชชาติกล่าว

เมื่อถามว่า การโอนชื่อบ้านหลังนี้ให้นายแสนปิติก่อนเลือกตั้งไม่กี่วัน นายชัชชาติตอบว่า “ไม่เคยคิดจะขายบ้าน เมื่อลูกชายเรียนจบ เมื่อคิดว่าจะขายบ้าน นางปรมินทร์ทิยาไม่ได้อยู่ที่สหรัฐต่อเนื่องนานกว่า 2 ปี หากขายจะทำให้ต้องเสียภาษีแพงขึ้น โดยได้รับคำแนะนำมาว่าให้โอนบ้านไปเป็นชื่อของนายแสนปิติก่อน หากนายแสนปิติเรียนต่อ หรืออยู่ต่อเกิน 2 ปี จะสามารถลดภาษีได้สูงสุดกว่า 20% ซึ่งนายแสนปิติก็เป็นเจ้าของที่แท้จริง ไม่ใช่ข้อมูลที่ต้องปกปิดอะไร”

 

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image